ปัจจุบันพฤติกรรมการบริโภคของคนไทย นิยมหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะกับเรื่องของอาหารการกินที่นิยมเลือกทานอาหารที่คำนึงถึงสุขภาพมากขึ้น วัตถุดิบที่ปรุงแต่งน้อย และที่สำคัญคือ ต้อง ‘ไม่ใส่ผงชูรส’ ลดโซเดียมได้จะดีกว่า เพราะหากอ้างอิงจากค่าเฉลี่ยของคนไทยบริโภคอาหารที่มีรสโซเดียมจัด 3,636 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่องค์การอนามัยโลกให้ไว้ที่ 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน สะท้อนแล้วว่าคนไทยกำลังรับประทานอาหารรสเข้มข้นอยู่ เลี่ยงได้เลี่ยงลดได้ลด
ด้วยพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนนี้ทำให้เราเห็นการทำประชาสัมพันธ์โฆษณาร้านอาหารที่เปลี่ยนไปเช่นกัน หลายร้านหันมาโฆษณาตัวเองด้วยคำพูดที่ว่า ‘ร้านนี้ไม่ใส่ผงชูรส’ แล้วเมื่อพฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยน ร้านอาหารเปลี่ยนตาม แล้วทุกวันนี้ตลาดผงชูรสยังเติบโตได้อยู่ไหม?
[ ตลาดยังโตอยู่ เพราะจริงๆ แล้วผงชูรสช่วยลดโซเดียมได้ ]
โดยบริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) เจ้าของผงชูรส อายิโนะโมะโต๊ะ รสดี และกาแฟกระป๋องเบอร์ดี้ยืนยันว่าบริษัทกำลังเติบโตเรื่อยๆ ในวันที่เทรนด์สุขภาพกำลังมาแรง
‘มร.อิชิโระ ซะกะกุระ’ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด เล่าให้ฟังว่า ปัจจุบันตลาดผงชูรสในประเทศไทยมีมูลค่า 15,000 ล้านบาท และผงปรุงรส 10,000 ล้านบาท
ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยการเติบโตของกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารขนาดเล็ก โดยเฉพาะกับกลุ่มร้านอาหารสตรีทฟู๊ดที่กลับมาเติบโตมากขึ้นจากช่วงหลังโควิด ประกอบกับจากผลการสำรวจที่พบว่าผู้บริโภคมองว่าความเป็นอยู่ที่ดีของคนเราจะขึ้นอยู่กับอาหาร ซึ่งกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 20-39 ปี นิยมการสร้าง work-life balance เลือกรับประทานอาหารอร่อยและดีต่อสุขภาพ ที่สำคัญ ต้องมีหน้าตาสวยงามน่าทาน
ในขณะที่กลุ่มผู้ใหญ่อายุ 45-65 ปี จะหลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ไม่ใส่น้ำตาล ลดเค็ม ไขมันต่ำ งดอาหารแปรรูปโดยผู้บริโภคทั้งสองกลุ่มใส่ใจเรื่องอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น
ซึ่งในมุมของสรรพคุณผงชูรส หลายคนยังเข้าใจผิดว่าผงชูรสเป็นตัวก่อโซเดียมสูง แต่ข้อมูลจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาและคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุเจือปนอาหารร่วมของ FAO / WHO ระบุว่า การใช้ผงชูรสอาจช่วยให้ลดปริมาณโซเดียมโดยไม่ลดทอนรสชาติ ลดการใช้เกลือเพิ่มเติมลงไป
[ ผู้ป่วยโรคเรื้อรังเยอะ โอกาสเติบโตของอายิโนะโมะโต๊ะ ]
นอกจากนี้ ‘มร.อิชิโระ ซะกะกุระ’ ยังเล่าให้ฟังอีกว่ากลุ่มผู้สูงอายุที่มีอาการป่วยเรื้อรัง อาทิ โรคเบาหวาน ความดัน กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในไทยและในโลก ซึ่งบริษัทกำลังได้รับอานิสงส์จากคนกลุ่มนี้เต็มๆ ด้วยการใช้ “ศาสตร์แห่งกรดอะมิโน” (AminoScience) เป็นความเชี่ยวชาญหลักของเรา มาส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนให้กินดีมีสุข เพื่อดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ด้านความยั่งยืน
ทำให้ปีนี้แตกไลน์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 4 หมวดหมู่ คือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกรดอะมิโนสำหรับการนอนหลับ โภชนาการกีฬา บำรุงร่างกายและบิวตี้เพื่อเจาะตลาดกลุ่มสูงวัยป่วยโรคเรื้อรังโดยเฉพาะ
[ ปรับราคาขึ้น 4% เพราะต้นทุนสูง ]
ทั้งนี้ ในส่วนราคาสินค้า บริษัทยังเตรียมปรับราคาผงชูรสเพิ่มขึ้นถึง 4% ในไซต์ใหญ่ เพราะสาเหตุหลักๆ มาจาก ‘มันสำปะหลัง’ ที่เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตกำลังขาดแคลนทำให้มีราคาสูงขึ้น จนบริษัทจำเป็นจะต้องปรับราคาขึ้นตาม
อย่างไรก็ตาม ปี 2566 ที่ผ่านมา อายิโนะโมะโต๊ะ ทำรายได้ 32,000 ล้านบาท มีแบรนด์หลักและครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงที่สุดคือ ผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะ 93% รสดี 89% และกาแฟกระป๋องเบอร์ดี้ 53%










