‘อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย’ ปี 2567 ปักธงพิชิตเบี้ยรับ 1.2 หมื่นล้านบาท เดินเกมเจาะกลุ่มธุรกิจใหญ่เพิ่ม พร้อมใช้กลยุทธ์สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าและมุ่งพัฒนาบุคลากรในองค์กร
‘ลาร์ส ไฮบุทสกี้’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย กล่าวว่า ในปี 2567 ธุรกิจจะยังคงเดินหน้าในทิศทางที่เติบโตและแข็งแกร่ง ด้วยแบรนด์ที่มีผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจประกันภัยระดับโลก ประกอบกับโซลูชั่นที่ครบวงจรตอบโจทย์ลูกค้าและทีมงานที่มีคุณภาพสูง
ซึ่งจะทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงตั้งเป้าเบี้ยรับรวมในสิ้นปีนี้แตะ 1.2 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทจะดำเนินการขับเคลื่อนองค์กรผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่
1.พัฒนาช่องทางขายตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม
ปีนี้ตลาดใหญ่ที่อลิอันซ์ เดินหน้ามุ่งเน้นมากขึ้น คือ ลูกค้ากลุ่มธุรกิจใหญ่ (Commercial) ที่เป็นตลาดที่อลิอันซ์มีความเชี่ยวชาญมาอย่างยาวนาน
ควบคู่กับความแข็งแกร่งในสถานะการเงินที่สามารถให้ความมั่นคงดูแลความเสี่ยงในธุรกิจกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี อาทิ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โครงการสาธารณูปโภคระดับชาติ ประกันภัยทางทะเล ประกันภัยความรับผิดบุคคลภายนอก เป็นต้น
2.สร้างแพลตฟอร์มธุรกิจที่ส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าแก่ลูกค้า
จากการแพลตฟอร์มที่ทันสมัยทำให้ลูกค้าเข้าถึงบริการอย่างรวดเร็ว ทำให้ตลอดปีที่ผ่านมา อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัยได้คะแนน NPS Score สูงกว่าค่าเฉลี่ยของบริษัทประกันภัยในประเทศไทย
โดนได้รับคะแนนความพึงพอใจจากเสียงของลูกค้าที่ใช้บริการ อยู่ที่ 4.8 คะแนนจาก 5 ซึ่งถือว่าสูงมาก
และเป็นข้อพิสูจน์ถึงความสำเร็จของกลยุทธ์นี้ ที่จะยังคงเดินหน้าต่อยอดสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
3.สร้างองค์กรแห่งความเป็นเลิศ
การพัฒนาความเป็นมืออาชีพของพนักงาน และการสร้างการมีส่วนร่วมและความผูกพันกับองค์กร เป็นสิ่งที่กลุ่มอลิอันซ์ให้ความสำคัญมาก
โดยองค์กรมีการจัดกิจกรรมที่สร้างความผูกพันให้กับพนักงานทุกรุ่น อาทิ Staff Party กิจกรรมตามโอกาสพิเศษ พร้อมสวัสดิการต่างๆ สิ่งเหล่านี้ทำให้อลิอันซ์เป็นองค์กรที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดในเอเชีย 3 ปีซ้อน จัดอันดับโดย HR Asia
และสำหรับ อลิอันซ์ อยุธยา ประกันภัย ในปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัททำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม สร้างสถิติใหม่ในการเติบโตถึง 6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า มีมูลค่าเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่กว่า 1 หมื่นล้านบาท
โดยผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพเติบโต 14% เบี้ยประกันมูลค่า 3.2 พันล้านบาท ประกันรถยนต์เติบโต 3% เบี้ยประกันมูลค่า 3.3 พันล้านบาท และประกันวินาศภัยและทรัพย์สินอื่นๆเติบโต 5% เบี้ยประกันมูลค่า 3.5 พันล้านบาท
นอกจากนั้น ปี 2566 ยังเป็นปีที่บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานสูงกว่า 500 ล้านบาท ความสำเร็จเหล่านี้เป็นผลมาจากการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพสูง การริเริ่มนวัตกรรมและโครงการใหม่ ที่ประสบความสำเร็จช่วยสนับสนุนการเติบโตเป็นอย่างมาก










