‘อนุทิน’ ซัดการเมืองตั้งธง ยื้อออก พ.ร.บ.กัญชา พร้อมระบุมีการร่วมร่างมาด้วยกัน แต่ถูกคว่ำกลางสภา เชื่อนโยบายภูมิใจไทยโดนใจประชาชนพูดแล้วทำ ทำได้จริง จึงถูกเจาะยาง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีที่ร่าง พ.ร.บ. กัญชง กัญชา พ.ศ….มีแนวโน้มจะไม่สามารถพิจารณาในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระ 2 ได้ทันวันที่ 2 พ.ย.นี้ และอาจต้องเลื่อนไปพิจารณาในสัปดาห์ที่ 3 แทนว่า มันมีการเตะถ่วงเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ ทั้งที่เป็นกฎหมาย ที่มีความสำคัญ การออก พ.ร.บ. จะเป็นกฎหมายเฉพาะสำหรับการใช้กัญชงและกัญชา ทำให้เกิดความสะดวกต่อการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บังคับใช้กฎหมาย แต่ไม่ได้ทำให้ผู้ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ มีปัญหา มีอุปสรรค
แต่เดิม ร่าง พ.ร.บ. มีเสนอเข้ามาหลายร่าง และของพรรคภูมิใจไทยเป็นหนึ่งในนั้น สุดท้าย สภาฯ จะเลือกมาว่าจะใช้ของพรรคไหนยื่นเข้าไป การเสนอกฎหมาย จะต้องผ่านวาระรับหลักการ การยื่นคณะกรรมาธิการ (กมธ.) และวาระพิจารณา ส่วนกฎหมายกัญชง กัญชา เมื่อถูกยื่นเข้าไปในสภาผู้แทนราษฎรก็มีการตกลงกันว่า ให้ใช้ของพรรคภูมิใจไทยเป็นต้นเรื่อง เสียงลงมติส.ส. เกินกึ่งหนึ่งไปเยอะเลย มีมติรับหลักการเรียบร้อย ตั้งแต่เดือนมิ.ย. 65 เมื่อรับหลักการไปแล้ว ได้ตั้ง กมธ. ขึ้นมา ประกอบด้วยพรรคฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ผู้ทรงคุณวุฒิ ข้าราชการประจำ ผู้เชี่ยวชาญ ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เข้ามาช่วยพิจารณาให้กฎหมายดีขึ้นอีก
นายอนุทิน กล่าวว่าตอนแรกมี 45 มาตรา อันนี้มาจากพรรคภูมิใจไทย ส่วนพรรคการเมืองต่างๆ เข้ามาแล้ว เพิ่มความเห็นได้เลย กมธ.ก็โหวตทีละมาตรา จนมันขยายไปเป็น 90 กว่ามาตรา อะไรที่มันเพิ่มเข้ามา คือความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นที่เพิ่มมาก็เป็นข้อเสนอของพรรคอื่นๆ ทั้งนั้น มันเป็นกฎหมายที่สมบูรณ์ พรรคที่บอกว่ากังวลเรื่องเยาวชนเข้าถึงก็เติมเรื่องนั้นเข้ามา มีกฎกรอบมากมายมาคุม จนผ่านความเห็นชอบของ กมธ. ที่ช่วยกันร่าง
“ดังนั้นการที่มาคว่ำกันกลางสภา กลืนน้ำลายตัวเองทั้งนั้น เพราะท่านมีส่วนผลักดันเข้ามา จนถึงขั้นตอนสุดท้าย ร่างที่ออกมาถึงวาระพิจารณาไม่ใช่ร่างของพรรคภูมิใจไทย เป็นร่างของผู้แทนราษฎร แล้วมันเกิดช่วงใกล้เลือกตั้ง มันทำให้รู้ว่า “นโยบายกัญชา” โดนใจประชาชน เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าที่พรรคภูมิใจไทยหาเสียงไว้ ทำได้จริง พูดแล้วทำ ทำแล้วสำเร็จ มันถูกใจประชาชน มันก็เจาะยางกัน” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ถ้าผิดไปจากนี้เขาต้องไม่รับหลักการตั้งแต่วาระแรก แต่นี่รับกันตั้งแต่วาระแรกที่ 378 เสียง มากกว่ารัฐมนตรีที่ถูกลงมติไม่ไว้วางใจอีก ตอนนั้นรัฐมนตรีเป็นแชมป์ ได้ 270 เสียงโดยประมาณ นี่ได้เสียงไป 380 กว่าเสียง ก็ฝ่ายค้านมาเติมเสียงให้ ถ้าประชาชนวิเคราะห์ไปแต่ละจุด จะเห็นว่ามันเป็นเกมการเมือง ในชั้นกรรมาธิการ พรรคประชาธิปัตย์ มีนายกนก วงษ์ตระหง่าน ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ มาเป็น กมธ. ท่านเสนอว่ามันต้องมีเรื่องนันทนาการ เพียงแต่ต้องควบคุมเรื่องเวลา เรื่องพื้นที่ มีการขออนุญาต แต่ใน กมธ. บอกว่าไม่ได้ เพราะมันเพิ่งออกมาจากยาเสพติด ต้องขอให้ประชาชนมั่นใจก่อน ซึ่งนายกฯ เห็นด้วย ในร่างพรรคก้าวไกล มีเรื่องโซนนิ่งการใช้ น่าจะเป็นนายเท่าพิภพ ลิ้มจิตกร ส.ส.กทม. ที่เป็น กมธ. ด้วย มีการถกแถลงกัน แล้วก็สรุปว่ายังไม่สมควรดันเรื่องนันทนาการเข้าไป เราฟังและเราแก้ไขหมด ตามที่เสนอกันมา สุดท้ายเมื่อสมบูรณ์ผ่าน กมธ.จากทุกพรรค ก็นำเรื่องเข้าสภาผู้แทนราษฎร บรรจุเป็นวาระที่ 2
นายอนุทิน กล่าวต่อว่าแต่นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กลับมากังวล แล้วก็ไม่ปรึกษานายกฯ เลย บทนำท่านก็ไม่อ่าน แล้วท่านมาบอกว่ากฎหมายหละหลวม ส่วนนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ท่านมาบอกว่า ที่ตอนนั้นท่านรับหลักการ เพราะท่านรับใน 45 มาตรา ท่านไม่ได้รับใน 90 มาตรา สรุปว่า ตอนเป็น 45 มาตราของพรรคเรา ท่านก็รับแต่พอทำให้ดีขึ้น มาจากทุกพรรคช่วยกันคิด ช่วยกันเขียน ท่านไม่รับกระนั้นหรือ
“มันคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ เป็นการพยายามเอาสีข้างเข้าถู คนเหล่านั้นไม่ได้ทำกฎหมาย เหมือนกับว่ามีธงแล้ว ไม่ให้ผ่าน ก็พูดไปเรื่อย” นายอนุทิน กล่าว










