เป็นไปตามคาดว่าแอปเปิลจะใช้ Generative AI ในระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด iOS 18, iPadOS 18 และ macOS Sequoia โดยในคีย์โน้ต WWDC นั้นแอปเปลใช้คำว่า Apple Intelligence แทนคำว่า Generative AI เพื่อที่จะเสนอความเป็น AI ในแบบของแอปเปิลเอง
แอปเปิลบอกว่า AI จะต้องมาพร้อมความสามารถที่เป็นผู้ช่วยเราได้ โต้ตอบเป็นธรรมชาติ เข้าใจบริบทของเราผ่านการใช้งานอุปกรณ์ รู้จักคอนแทกต์ของเราในมือถือ และที่สำคัญต้องมาพร้อมความเป็นส่วนตัว
[ ความสามารถใหม่ๆ Apple Intelligence ]
- Siri มาในลุคใหม่ โลโก้ใหม่ ฉลาดขึ้น น้ำเสียงเป็นธรรมชาติขึ้น ค้นหาข้อมูลในอุปกรณ์มาให้เราได้ เช่นหาไฟล์ของแม่ หารูปที่เคยถ่ายที่นิวยอร์ก รองรับคำสั่งเสียงและข้อความ โดยที่ Siri ยังคงตามเราได้ทันหากเราเปลี่ยนเรื่อง เปลี่ยนคำสั่ง
- Siri ทำงาน in-app ได้ เช่นเมื่อมีคนโทรเข้ามา เราสั่งให้ Siri เพิ่มคนๆ นี้มาในรายชื่อผู้ติดต่อให้ได้ทันที
- Writing Tools ช่วยเขียน ร่างข้อความ ร่างอีเมล
- Rewrite ช่วยรีไรท์เนื้อหาใหม่ ตรวจสอบหลักไวยากรณ์
- Smart Reply ตอบเมลได้เร็วขึ้น ด้วยคำแนะนำจาก AI
- Summarize ช่วยสรุปเนื้อหา สรุปอีเมลยาวๆ
- แสดงข้อความแชทหรืออีเมลที่มีความสำคัญขึ้นมาก่อน เช่นเมลเชิญเข้าร่วมงาน แชทจากคนสำคัญ เป็นต้น
- ในแอพ Notes และ Phone สามารถบันทึก ถอดเสียง และสรุปเสียงได้แล้ว และเมื่อการโทรสิ้นสุดลง Apple Intelligence จะสร้างข้อมูลสรุปให้ด้วย
- ในแอพ Notes สามารถเจนรูปภาพเข้ามาประกอบในงานที่กำลังทำอยู่ได้
- Genmoji สร้างอีโมจิจาก prompt
- ใช้ AI ลบคนในแอป Photos
ทั้งหมดนี้อาจดูเป็นฟีเจอร์ที่ไม่ได้เป็นของใหม่ หลายคนใช้งานลักษณะนี้กันในแพลตฟอร์มอื่นหรือในมือถือรุ่นอื่นๆ มาแล้ว แต่สำหรับ Apple Intelligence ใช้การประมวลผลบนเครื่อง ไม่ได้แชร์ข้อมูลบนคลาวด์ ส่วนข้อมูลไหนที่ต้องใช้ประมวลผลบนคลาวด์ แอปเปิลก็มีทางเลือก Private Cloud หรือคลาวด์ส่วนตัวมาให้ ดึงโมเดลบนเซิร์ฟเวอร์ที่ใหญ่ขึ้นสำหรับคำขอที่ซับซ้อนมากขึ้น แต่ยังจัดการความเป็นส่วนตัวได้ ด้วยเทคโนโลยีการเข้ารหัสเพื่อให้แน่ใจว่า iPhone, iPad และ Mac ของเราจะไม่พูดคุยกับเซิร์ฟเวอร์ เว้นแต่ตัวซอฟต์แวร์จะได้รับการบันทึกแบบสาธารณะ เพื่อตรวจสอบ Apple Intelligence
[ ร่วมมือกับ Open AI นำ ChatGPT มาใช้ ]
อย่างไรก็ตาม การประมวลผลบนเครื่องจำกัดความสามารถการใช้ AI เพื่องานสร้างสรรค์ แอปเปิลก็เลยเพิ่มทางเลือกให้เราใช้ ChatGPT-4o เข้ามาใน iOS 18, iPadOS 18 และ macOS Sequoia ผู้ใช้สามารถเข้าถึงความเชี่ยวชาญ ในการทำความเข้าใจรูปภาพและเอกสาร โดยไม่จำเป็นต้องข้ามไปมาระหว่างแอพต่างๆ
การมี ChatGPT ช่วยให้เราเขียนงานใน Notes ได้สร้างสรรค์ขึ้น เข้าถึงข้อมูลกว้างขึ้น ซึ่งก่อนใช้จะมีหน้าต่างมาแจ้งเตือนให้เราเลือกว่าจะใช้ ChatGPT หรือไม่ เพราะการใช้ ChatGPTเท่ากับการเปิดโอกาสให้อุปกรณ์สื่อสารผ่านเซิร์ฟเวอร์ ที่ไม่เป็นส่วนตัวเท่าประมวลผลบนเครื่อง
[ ไฮไลต์ OS ใหม่ ]
จริงๆ แล้ว พระเอกของงาน WWDC ในทุกๆ ปีคือการเปิดตัวระบบปฏิบัติการใหม่ และในปีนี้คือ iOS 18, iPadOS 18, Vision OS 2 และ macOS Sequoia มีหลายประเด็นน่าสนใจ
- iPadOS 18 มีแอพเครื่องคิดเลขสักที ซึ่งคราวนี้ไม่ได้มาเป็นแอพธรรมดา แต่สามารถใช้งานคู่กับ Apple Pencil เขียนสูตร ทดเลขกันในแอพได้
- macOS Sequoia ระบบปฏิบัติการใหม่ของ MacOS ทำ iPhone Mirroring หรือควบคุมจัดการ iPhone ได้จากในคอมพิวเตอร์
- Vision OS เวอร์ชั่น 2 รองรับการหงายมือจีบและคว่ำมือจีบเพื่อเข้าใช้งานเร็วกว่าเวอร์ชั่นแรก และยังประกาศขาย Apple Vision Pro ในอีกหลายประเทศ เช่น ฮ่องกง ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ แต่ยังไม่มีไทย
- iOS 18 ปรับแต่งหน้าจอได้มากกว่าเดิม คุมโทนสี โทนไอคอนแอพให้ไปในทางเดียวกัน
- iMessage ทำเอฟเฟกต์บนคำ ข้อความได้ เพิ่มความสนุกในการแชท ตั้งเวลาส่งในภายหลังได้
- iOS 18 รองรับการส่งข้อความโดยไม่มีเน็ตหรือสัญญาณโทรศัพท์ แต่ใช้ดาวเทียมเวลาที่ไม่มีการเชื่อมต่อระบบเซลลูลาร์และ Wi-Fi
- ซ่อนแอพและล็อกไม่ให้ใครเข้ามาใช้หรือแอบดูได้










