ชมรมแพทย์ชนบท โพสต์เฟซบุ๊กทวงวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 10 ล้านโดสต่อเดือน ที่หายไป หวั่นได้ซิโนแวคเป็นวัคซีนหลักของประเทศ เปรียบเหมือนได้เสื้อเกราะบาง จี้ รมว.สาธารณสุข จัดการปัญหา
วันที่ 30 มิ.ย. 2564 ชมรมแพทย์ชนบท เผยแพร่บทความซีรีส์ ลับลวงพราง วัคซีนโควิด ตอน 17 : 30-06-64 เรื่อง มาตรการทวงคืนสัญญา แอสตร้าฯ 10 ล้านโดสต่อเดือนที่หายไป ระบุข้อความว่า
รัฐบาล และ ศบค. แถลงชัดเจน พร้อมให้ความหวังกับประชาชนคนไทยมาตลอดว่า สยามไบโอไซน์ คือความมั่นคงด้านวัคซีนโควิด-19 ของประเทศ เราสั่งจองแอสตร้าเซนเนก้า ในปี 2564 มีแผนการฉีดแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งเป็นวัคซีนหลัก แบ่งเป็น มิ.ย. 6 ล้านโดส แล้วหลังจากนั้นนับแต่ ก.ค. เป็นต้นไปเดือนละ 10 ล้านโดส โดยมีซิโนแวคเป็นวัคซีนเสริม 3-5 ล้านโดส รอจนไตรมาส 4 ต.ค. เป็นต้นไป จึงได้ ไฟเซอร์ โมเดอร์นา มาฉีดเพิ่ม
แต่แล้วกลับกลายเป็นว่า แอสตร้าเซนเนก้า ของสยามไบโอไซน์ สามารถส่งมอบให้รัฐบาลไทยในเดือน ก.ค. เป็นต้นไป เพียงสัปดาห์ละ 1 ล้านโดส รวมเดือนละ 4 ล้านโดสเท่านั้น
หากประเทศไทยได้ แอสตร้าเซนเนก้า ของสยามไบโอไซน์ เพียงเดือนละ 4 ล้านโดส เราจะมีซิโนแวคเป็นวัคซีนหลักของประเทศไทยอย่างแน่นอน เพราะอาจต้องนำเข้าไม่ต่ำกว่าเดือนละ 6-10 ล้านโดสแทน เปรียบเสมือนได้เสื้อเกราะบางมาใส่แทนเสื้อเกราะหนาปานกลางอย่างแอสตร้าเซนเนก้า
พร้อมทั้ง ระบุด้วยว่า รัฐบาลพยายามแก้เกมส์ขาดแคลนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า และ mRNA ด้วยการจัดหาวัคซีนบริจาคมาสมทบ เช่น ขอบริจาคแอสตร้าเซนเนก้า จากญี่ปุ่นเข้ามาเสริม ขอของสหรัฐเข้ามาเสริม แต่นั่นคือของบริจาค ไว้เสริม ไม่ควรนำมานับเป็นวัคซีนหลักในระบบที่มีจองและการวางแผนสั่งซื้อตามสัญญาการจองวัคซีนไว้ จึงถึงเวลาแล้วที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ต้องประชุมเพื่อจัดการปัญหานี้
เพราะแอสตร้าเซนเนก้า ของ สยามไบโอไซน์ ทำให้การจัดหาวัคซีนปั่นป่วนมาก จำนวนที่ผลิตได้เดือนละ 15 ล้านโดส ทางบริษัทแม่เขาจะกันไว้ส่งมอบให้ประเทศอื่นๆ ด้วย จึงทำให้สัดส่วนวัคซีนของสยามไบโอไซน์ ที่ผลิตได้ จะส่งมอบให้รัฐบาลไทยประมาณ 25-30% เท่านั้น ที่เหลือต้องส่งออก และดูเหมือนวันรัฐบาลจะไม่กล้าไปต่อรองหรือใช้เครื่องมือทางกฎหมายใดๆ ในการทำให้ประเทศไทยได้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 10 ล้านโดสต่อเดือน ตามที่เคยบอกไว้
ดังนั้น ชมรมแพทย์ชนบทและเครือข่ายผู้ติดตามเรื่องการบริหารจัดการวัคซีน จึงเห็นว่า รัฐบาลมีหน้าที่ต้องทำทุกวิถีทางให้ประเทศไทยได้รับการส่งมอบวัคซีนแอสตร้าเศนเนก้า จากสยามไบโอไซน์ ที่ 10 ล้านโดสต่อเดือนตามที่เคยรัฐบาลเคยกล่าวอ้างไว้ให้ได้ นี่คือเป้าหมายที่ต้องทำให้ได้ แล้วค่อยจัดหาซิโนแวคมาเสริม 5 ล้านโดส เพื่อให้ครบเดือนละ 15 ล้านโดสเป็นอย่างน้อย
สำหรับ วิธีการตามกฎหมายที่ทำได้คือ อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. 2561 มาตรา 18(2) ที่ระบุว่า รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมีอำนาจ “กำหนดสัดส่วนการส่งออกวัคซีนไปนอกราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ซึ่งต้องเหมาะสมกับสัดส่วนการใช้วัคซีนภายในประเทศ” ฉะนั้น รัฐบาลจึงสามารถใช้อำนาจตามกฎหมายกำหนดสัดส่วนการส่งออกวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า จากสยามไบโอไซน์ ได้ โดยควรกำหนดให้ส่งออกได้ไม่เกิน 1 ใน 3 ที่ผลิตได้ ก็จะทำให้ประเทศไทยมีวัคซีนแอสตร้าฉีดในประเทศไทย 10 ล้านโดสต่อเดือนตามเป้าเดิม เดินหน้าการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้อย่างมั่นใจ
ซึ่งหวังว่ารัฐบาล และ รมต.สาธารณสุข จะรีบดำเนินการ และทำทุกวิถีทาง ให้ประเทศไทยมีความมั่นคงด้านวัคซีน อย่างน้อย คือ แอสตร้าเซนเนก้า จาก สยามไบโอไซน์ ไม่ใช่จากซิโนแวคที่ควรเป็นวัคซีนเสริมเท่านั้น










