แผ่นดินไหวที่รับแรงสั่นสะเทือนจากพม่ามาถึงกรุงเทพฯ กลายเป็นบททดสอบครั้งสำคัญของอาคารสูงและคอนโดมิเนียมในเมืองใหญ่ ภาพแตกร้าวรุนแรงของอาคาร-คอนโดฯ บางแห่งในกรุงเทพฯ ปรากฏความเสียหายให้เห็นชัด ขณะที่อาคารคอนโดฯ บางแห่งก็ได้รับคำชื่นชมจากลูกบ้านที่แชร์ประสบการณ์ว่า “กริบ เรียบ ไม่มีซักรอย”
ความแตกต่างจากสถานการณ์เดียวกันนี้นอกจากจะสะท้อนถึง “โครงสร้างทางวิศวกรรม” แล้ว อีกสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ ในวิกฤตที่เกิดขึ้นมี แบรนด์ที่ได้สร้างความไว้วางใจ และความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยขึ้นมาได้อย่างน่าชื่นชม
วิกฤตแผ่นดินไหวจึงไม่ใช่แค่ทดสอบความแข็งแรงของอาคาร แต่อาฟเตอร์ช็อกหลังจากเหตุการณ์ต่างหากคือการทดสอบความแข็งแรงของ “Brand Love” ด้วย
ในแวดวงมาร์เก็ตติ้ง Brand Love ไม่ใช่แค่การที่ลูกค้าชอบดีไซน์ หรือโลโก้ของแบรนด์ หรือเป็นแบรนด์ขายดี แต่คือความผูกพันลึกซึ้ง ที่พร้อมจะปกป้องแบรนด์ในยามที่เกิดปัญหา
[ ในวิกฤต Brand Love ปรากฎตัวขึ้น ]
ทีมข่าวธุรกิจ TODAY Bizview ได้ตั้งคำถามบนหน้าเพจเฟซบุ๊กว่า “คอนโดใครไม่เสียหาย ห้องคลีน ไม่มีริ้วรอยจากแผ่นดินไหวบ้าง แสดงตัวหน่อย” ก่อนจะได้รับฟีดแบ็คมาหลายร้อยคอมเม้นท์ พูดถึง แบรนด์อสังหาฯ เจ้าต่างๆ และพอจะเห็นว่ามีกี่แบรนด์ที่ได้รับความชื่นชมมากที่สุด
และโดยมากเป็นแบรนด์ที่มีภาพลักษณ์ของโครงการที่แม้จะไม่ได้โดดเด่นในแง่งานดีไซน์ แต่ได้รับคำชื่นชมจากลูกบ้านในเรื่องโครงสร้างแข็งแรงและการก่อสร้างที่มีมาตรฐานสูงทำให้เมื่อต้องเจอแรงสั่นสะเทือนตัวอาคารได้รับผลกระทบน้อย ไม่ได้มีส่วนสำคัญเสียหาย และบางแห่งก็เรียกว่าไม่มีริ้วรอยเลย
จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ คำถามที่ตามมาคือ อะไรคือสิ่งที่ทำให้แบรนด์ธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ “ยังถูกรัก” แม้ยามเกิดวิกฤต?
- โครงสร้างที่แข็งแรง ต้องมาก่อนเรื่องของการตลาด
หลายโครงการอาจมุ่งไปที่การสร้างภาพลักษณ์ “หรูหรา ทันสมัย ใจกลางเมือง” แต่เมื่อตึกเริ่มร้าวในยามแผ่นดินไหว สิ่งที่ลูกค้าต้องการไม่ใช่ “Infinity Pool” หรือ “Sky Lounge” สุดหรู แต่คือ “เสาเข็ม” และ “การก่อสร้างที่ได้มาตรฐาน”
บริษัทก่อสร้าง-อสังหาฯ ที่สามารถรอดพ้นจากวิกฤตครั้งนี้ได้โดยไม่มีรอยร้าว ได้รับเสียงชื่นชมโดยอัตโนมัติ กลายเป็น “Earned Media” ที่ทรงพลังกว่าการโฆษณา
- การสื่อสารในยามวิกฤต
บางแบรนด์ออกมาสื่อสารชัดเจนถึงมาตรฐานการก่อสร้าง ทีมวิศวกรที่ออกตรวจสอบโครงการอย่างละเอียด และให้ข้อมูลทางเทคนิคแก่ลูกบ้าน ในขณะที่บางแบรนด์ล่าช้ายิ่งทำให้ความกังวลทวีคูณ ซึ่งความโปร่งใสและความเร็วในการสื่อสาร คือปัจจัยสำคัญในการสร้าง Brand Love ยามวิกฤต
- Customer Experience คือหัวใจสำคัญ
ลูกบ้านที่รู้สึกว่า “แบรนด์ไม่ทิ้งกัน” คือฐานเสียงสำคัญที่จะช่วยขยายความรักต่อแบรนด์ให้ไกลขึ้น หลายแบรนด์ที่มีทีมนิติบุคคลช่วยสื่อสาร ดูแล อธิบาย มีทีมวิศวกรลงพื้นที่ ซ่อมแซมทันที ย่อมได้ใจลูกบ้าน และกลายเป็นหลักฐานว่าไม่ใช่แค่ขายเสร็จแล้วก็จบกัน ดังนั้น “บริการหลังการขาย” สำคัญมากในธุรกิจนี้
ช่วงเกิดเหตุแผ่นดินไหวผู้คนจะจดจำและรู้สึกได้ทันทีว่าการ “ช่วยเหลือลูกบ้าน” ได้อย่างทันท่วงทีเกิดขึ้นหรือไม่ เช่น บางแห่งมีการหาที่พักชั่วคราวให้กับลูกบ้าน และหลังจากเหตุการณ์ผ่านพ้นไป มีการเข้ามาดูแลให้คำแนะนำ และสร้างความไว้วางใจให้กับลูกบ้านได้ดีในระดับไหน โดยเฉพาะกับอาคารที่ได้รับผลกระทบหนัก สามารถเรียกความเชื่อมั่นลูกบ้านผ่านการช่วยเหลือเยียวยาได้อย่างเต็มที่ จนฟื้นความเชื่อมั่นกลับมาได้มากน้อยแค่ไหน
- แบรนด์ที่มีหลักเกณฑ์ด้าน “ความยั่งยืน” อยู่รอดได้ในระยะยาว
ความยั่งยืนที่ไม่ใช่แค่สิ่งแวดล้อม แต่คือ Sustainable Trust แบรนด์ที่ลงทุนในวัสดุที่ดีกว่า มีมาตรฐานวิศวกรรมความปลอดภัยที่มากกว่า ซึ่งวิกฤตนี้ทำให้เราเห็น Brand Love เกิดขึ้นในโลกโซเชียลฯ ที่ผู้คนชื่นชมบริษัทก่อสร้างใหญ่อย่าง “ฤทธา” ไปจนถึงบริษัทอสังหาริมทรัพย์ อีกหลายแห่งที่มีโครงสร้างอาคารที่มั่นคง ปลอดภัย หรือได้รับผลกระทบน้อยมาก ไม่ได้ดูน่ากลัวหรือน่าตกใจ
หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว 28 มีนาคม 2568 แนวคิดการเลือกซื้อคอนโดมิเนียมในเมืองจะมีลักษณะที่เปลี่ยนไปอย่างแน่นอน จากที่อาจเลือกซื้อด้วยโปรโมชั่น ดีไซน์เก๋ หรือทำเลสะดวก แต่หลังเหตุการณ์ครั้งนี้ ลูกค้าจะเลือกและตัดสินใจโดยมองด้านอื่นๆ ประกอบอย่างละเอียดมากขึ้น
ธุรกิจอสังหาฯ เองก็ต้องปรับตัวต่อจากนี้เช่นเดียวกัน ไม่ใช่แค่ทำการตลาดเวอร์วังฉาบฉวย อาจไม่ช่วยให้ขายดีเหมือนก่อนแล้ว แต่จะต้องลงทุนในการเสริมสร้างโครงสร้างอาคารให้สามารถต้านทานแผ่นดินไหว และการมีแผนฉุกเฉินที่ชัดเจน แบบนี้จะซื้อใจลูกค้าได้มากกว่า
ไปจนถึงมีแผนและแนวทางดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด ให้บริการตรวจสอบและซ่อมแซมอย่างรวดเร็วหลังเกิดเหตุการณ์ และให้คำปรึกษาเกี่ยวกับความปลอดภัย จะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นและความรักต่อแบรนด์ได้
ต่อไปนี้การสร้าง Brand Love ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จึงไม่ใช่แค่เรื่องของดีไซน์ ภาพลักษณ์หรูหรา ทันสมัย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ แต่ “ของแท้” ได้ถูกพิสูจน์กันในช่วงเวลาสำคัญกันแล้ว และจากนี้คือการที่ธุรกิจอสังหาฯ ต้องลงทุนในความไว้วางใจที่จับต้องได้ ทำให้ผู้คนเลือกซื้อเพราะนี่คือพื้นที่ปลอดภัยแม้ในช่วงเหตุการณ์ไม่คาดคิด










