
กรณีที่สื่อสังคมออนไลน์ได้แชร์ภาพเพจเฟซบุ๊กประกาศขออุปการะเด็กทารกซึ่งพบว่า มีรายหนึ่งอยู่ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีการระบุว่าเป็นการขายเด็ก ต่อมาครอบครัวเข้าพบตำรวจ สภ.หัวหิน เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและขอความเป็นธรรมยืนยันว่าทางครอบครัวไม่ได้ประกาศขายเด็กทารก แต่เคยติดต่อทางเพจเฟซบุ๊กเพื่อหาผู้อุปการะเด็กทารกเพศชาย วัย 5 เดือน เนื่องจาก แม่เด็กพิการ เป็นใบ้ หูหนวก ประกอบกับครอบครัวที่ดูแลแม่เด็กมีภาระต้องเลี้ยงดูบุตรอีก 7 คน มีความเป็นอยู่ยากลำบาก อยากให้เด็กได้มีสิ่งแวดล้อมที่ดี ไปอยู่กับผู้อุปการะที่มีความพร้อมมากกว่า

คาดว่าสาเหตุที่ข้อมูลของเด็กถูกนำไปเผยแพร่น่าจะมาจากการนำข้อมูลไปบิดเบือนโดยครอบครัวของเด็กไม่รู้เรื่อง และกรณีที่มีผู้ที่ต้องการรับเด็กไปเลี้ยง แต่ทางครอบครัวไม่ตัดสินใจเลือก เนื่องจากตัดสินใจเลือกดาบตำรวจท่านหนึ่ง ที่มีความพร้อมรักเด็กไปมาหาสู่อยู่บ่อยๆ จึงอาจจะทำให้ผู้ที่ติดต่อมาก่อนหน้านี้ไม่พอใจที่ไม่ได้เด็กไปอุปการะ และคิดว่าครอบครัวขายเด็กให้ดาบตำรวจ

วันที่ 11 ก.ย. ชายผู้มีศักดิ์เป็นอาของแม่เด็ก กล่าวว่า หลังได้เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้แจ้งความเอาผิดกับใคร เนื่องจากตนไม่มีความรู้ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง แต่หากมีทนายความจิตอาสา หรือมีผู้ที่มีความรู้มาช่วยก็ยินดี เพราะลำพังตัวเองคงไม่มีความรู้และไม่มีเงิน ตอนนี้มีสื่อหลายสำนักทั้งไทยและต่างประเทศ ติดต่อขอให้ไปออกรายการ แต่ตนยืนยันว่าจะไม่ไปออกรายการใดทั้งสิ้น
ส่วนคนโทรศัพท์มาต่อว่า ด่าทอ ยังมีอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่ยืนยันว่าตนและครอบครัวไม่ได้ประกาศขายเด็กทารก แต่มีความจำเป็นต้องหาคนอุปการะ เพราะเลี้ยงเด็กอ่อนพร้อมกันสองคนไม่ไหว ครอบครัวของตนไม่คิดจะขายลูกหลานกิน ที่ผ่านมาก็ช่วยกันเลี้ยงมาโดยตลอด ยอมแม้กระทั่งต้องขายข้าวของเครื่องใช้ในบ้านไปทีละชิ้น เพื่อนำเงินมาเลี้ยงครอบครัว

หลังจากความจริงเผยแพร่ออกไป เริ่มมีเพจเฟซบุ๊กบางเพจส่งข้อความมาขอโทษและโทรศัพท์มาขอโทษบ้างแล้วก็มี ส่วนตนได้โทรศัพท์พูดคุยกับดาบตำรวจที่รับเด็กไปอุปการะมาโดยตลอด พบว่าดาบตำรวจมีความเครียดและกังวลว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะกระทบต่อเด็กชาย 5 เดือนในอนาคต แต่ยืนยันว่าครอบครัวจะยังคงยกเหลนชายให้กับดาบตำรวจรายนี้เหมือนเดิม เพราะที่ผ่านมามีการตรวจสอบอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว ทั้งความรักเด็กและรักครอบครัวของตน โดยหลังจากนี้จะเดินเรื่องเอกสารต่างๆ ให้ถูกต้องตามกฎหมายให้เสร็จเรียบร้อย
ทั้งนี้ วันที่ 12 ก.ย. เจ้าหน้าที่จาก บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์,สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดและเจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองหัวหิน จะลงพื้นที่เยี่ยมบ้านครอบครัว เพื่อตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่และหาแนวทางช่วยเหลือต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง









