สรุป ประกาศแนวทางการแต่งกายของนักเรียน โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) ลงนามโดย นางวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร รักษาราชการแทนปลัดกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 66 เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง
– ให้โรงเรียนในสังกัดกทม. จัดทำข้อกำหนด ให้นักเรียนแต่งกายด้วยชุดใดก็ได้ที่ไม่เป็นการบังคับ อย่างน้อย 1 วันต่อสัปดาห์ โดยให้นักเรียนเป็นผู้มีส่วนร่วมในการกำหนด
– กรณีที่นักเรียนไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวได้ ให้เป็นไปตามความประสงค์ของนักเรียน จะสวมชุดนักเรียน ชุดพละ หรือชุดอื่นใดที่โรงเรียนกำหนดให้มีไว้อยู่แล้ว
– ห้าม ดำเนินการลักษณะที่จะกระทบต่อสิทธิเสรีภาพทางร่างกายและจิตใจ คำนึงถึงอัตลักษณ์ ความหลากหลาย ความเชื่อทางศาสนา และเพศวิถีของนักเรียน

นอกจากนี้ เพื่อเคารพสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของนักเรียน กทม. ยังมีคำสั่ง แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับทรงผมของนักเรียนในสังกัด กทม. 437 แห่ง สรุปได้ว่า
– ให้โรงเรียนจัดทำข้อกำหนดฯ ให้นักเรียนไว้ทรงผมได้อย่างอิสระ บนพื้นฐานสุขอนามัยที่ดี สะอาด ส่งเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจ
– กรณีมีนักเรียนไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวได้ ให้โรงเรียนรับฟังความคิดเห็นจากนักเรียน ผู้ปกครอง เพื่อทำความเข้าใจและตกลงร่วมกัน
– ห้ามดำเนินการลักษณะที่จะกระทบต่อสิทธิเสรีภาพทางร่างกายและจิตใจของนักเรียน เช่น การตัดผม ทำให้อับอาย

กทม. จะประเมินผลดีผลเสีย พร้อมปรับเปลี่ยน หลังออกประกาศแนวทางเครื่องแต่งกาย-ทรงผมของนักเรียน โรงเรียนในสังกัด

นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เรื่องของชุดนักเรียน จะเกี่ยวข้องกับเรื่องของสิทธิเด็ก เรื่องของชุดลูกเสือ เครื่องแบบและทรงผม มีการหารือกันมานาน มีคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องหลายส่วน รวมถึงมีผู้แทนนักเรียนด้วย ขณะนี้คุยไปแล้วหลายรอบและทุกฝ่ายได้ตกผลึกร่วมกัน
หัวใจสำคัญคือเรื่องสิทธิมนุษยชน ให้เด็กได้ไปโรงเรียนอย่างมั่นใจ ถูกสุขอนามัย และเป็นการลดค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง ปัจจุบันโรงเรียนได้เงินอุดหนุนจากรัฐปีละ 2 ชุด เป็นชุดนักเรียน 1 ชุด และชุดพละหรือชุดลูกเสือ 1 ชุด แนวทางที่ออกมา คือ มีอย่างน้อย 1 วันในสัปดาห์ที่นักเรียนจะใส่ชุดอะไรก็ได้ สิ่งสำคัญคือให้นักเรียนได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ โดยประกาศนี้จะใช้บังคับทุกโรงเรียนของกทม.
ส่วนของทรงผม หัวใจหลักคือการไม่ริดรอนสิทธิเด็กเช่นเดียวกัน แต่ต้องอยู่ภายใต้ความเรียบร้อย เหมาะสม ทั้งนี้คณะกรรมการโรงเรียนได้พูดคุยร่วมกับผู้แทนผู้ปกครอง นักเรียน และทำให้แต่ละโรงเรียน อาจกำหนดไม่เหมือนกันได้ เพราะบางโรงเรียนก็มีการสอนศาสนาด้วย เราไม่ได้ทำเกินสิ่งที่กระทรวงกำหนด แต่เนื่องจากแต่ละโรงเรียนตีความประกาศของกระทรวงไม่เหมือนกัน ดังนั้น กทม. จึงได้ออกประกาศเพื่อกำหนดแนวทางให้โรงเรียนสังกัดกทม.
“เรื่องนี้เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยอาจมีแรงต้าน วันนี้เราเอาเรื่องนี้มาคุยบนโต๊ะ ให้เด็กๆได้ร่วมกันตัดสินใจ เรื่องความเหมาะสมคือความเข้าใจที่ตรงกัน” รองผู้ว่าฯ ศานนท์ กล่าว
ด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า ประกาศนี้สุดท้ายก็จะมีการประเมินผลดีผลเสีย เราไม่ต้องกลัวอะไร ให้กล้าทำในสิ่งต่างจากเดิม ทำอะไรใหม่ๆ ให้เด็กได้มีการคิด ผู้ปกครองได้มีส่วนร่วม แต่ต้องมีกรอบ มีกติกา มีการประเมิน สุดท้ายถ้าไม่ดีก็ต้องปรับเปลี่ยน กทม. ยินดีรับคำติชมทุกอย่าง










