‘ศิธา’ เสนอทำ Bangkok Token มอบส่วนลดต่างๆ จูงใจคนแยกขยะ พร้อมหนุนกทม. เปลี่ยนขยะเป็นพลังงาน

น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัครผู้ว่า กทม.หมายเลข 11 พรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วย นายอิบรอเฮม หวันแหละ ผู้สมัคร ส.ก. หมายเลข 7 เขตประเวศ พรรคไทยสร้างไทย ลงพื้นที่เขตประเวศ ติดตามความคืบหน้าการซ่อมระบบบำบัดกลิ่นโรงไฟฟ้าขยะอ่อนนุช หลังมีประชาชนได้ร้องเรียนผ่านผู้สมัคร ส.ก. ของพรรคไทยสร้างไทย ถึงผลกระทบจากการสร้างโรงไฟฟ้ากำจัดขยะของบริษัทแห่งหนึ่ง ที่เหม็นรบกวนความเป็นอยู่ของชาวบ้านอย่างรุนแรง
น.ต.ศิธา ระบุว่า คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. ได้สั่งพักใบอนุญาตประกอบกิจการผลิตไฟฟ้าของบริษัทดังกล่าว เนื่องจากบริษัทไม่ปฏิบัติตาม Code of Practice : CoP แต่เราไม่มั่นใจว่า การดำเนินการของโรงไฟฟ้าขยะแห่งนี้จะยุติตามคำสั่งของ กกพ. หรือไม่ โดยเฉพาะความกังวลของพี่น้องในพื้นที่ที่มองว่า โรงไฟฟ้าขยะอาจปรับเปลี่ยนให้พื้นที่แห่งนี้ เป็นที่พักขยะก่อนนำส่งไปพื้นที่อื่นๆ หรือนำไปกำจัดที่อื่นต่อไป ซึ่งอาจจะกลายเป็นภาระด้านงบประมาณของกรุงเทพมหานคร ที่อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ที่สำคัญหากเปลี่ยนระบบการจัดการขยะเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานไม่เป็นไปตามเป้าหมายเพื่อลดการฝังกลบนั้น ในท้ายที่สุดปัญหาขยะก็จะยังอยู่กับ กรุงเทพมหานครและพี่น้องคน กทม.ต่อไป
น.ต.ศิธา เห็นด้วยกับแนวทางของ กทม.ในปัจจุบัน คือการเอาขยะมาทำเป็นพลังงาน โดยตั้งใจให้ขยะประมาณ 10,000 – 12,000 ตันสามารถทำไฟฟ้าได้ ซึ่งภายใน 2- 3 ปีจะรับขยะทำไฟฟ้าได้ประมาณ 9,000 – 10,000 ตัน เหมือนในประเทศญี่ปุ่น หรือ ไต้หวัน แต่การจะไปถึงจุดนั้นได้ กทม.จำเป็นต้องแยกขยะ โดยมีแนวทางคือขยะเปียกและแห้ง ซึ่งถ้ามีขยะเปียกไปร่วมกันเยอะ การเผาจะไม่มีคุณภาพและอาจเกิดมลพิษทางอากาศ ดังนั้นหากตนได้เป็นผู้ว่ากทม.จะมีนโยบายในการแยกขยะและ Recycling เป็นแนวทางหลักเพื่ออนาคตของกทม.
“โดยต้องตั้งใจทำระบบให้ง่ายที่สุดสำหรับคนกรุงเทพฯ การแยกขยะมีเอกชนทำการแยก ไม่เพียงแค่ Recycling แต่ต้อง Reuse และ Reduce ด้วย ซึ่งนโยบายของผู้ว่า กทม.หมายเลข 11 จะมีแรงจูงใจให้กระบวนการดังกล่าวมีประสิทธิภาพโดย การให้รางวัลคนกรุงเทพ ที่มาช่วยกันทำตรงนี้จะได้รับ Bangkok Token ตอบแทน ซึ่งในอนาคตจะนำมาเป็นส่วนลดค่ากิน ค่าใช้จ่าย ค่าเดินทางต่างๆ ได้ เป็นวิธีทำให้คนกรุงเทพลดค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นอยู่ทุกๆ วัน” น.ต.ศิธา ระบุ
น.ต.ศิธา กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันจะต้องลดปริมาณขยะและย้ายพื้นที่ เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการคัดแยกในพื้นที่ที่เหมาะสมกว่า หลังพื้นที่ดังกล่าวมีชุมชนของพี่น้องประชาชนที่ขยายตัวมากขึ้น และกังวลว่า ผลกระทบจะอยู่กับพี่น้องประชาชนในระยะยาว หากไม่มีการปรับเปลี่ยน ที่สำคัญจะต้องเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้เหมาะสมกับสัดส่วนจำนวนประชากรในเขต ซึ่งจะช่วยลดมลพิษ สร้างอากาศบริสุทธิ์ ให้ชาวประเวศ และกรุงเทพฯมากขึ้น ซึ่งเชื่อมั่นว่าในท้ายที่สุดปริมาณขยะจะลดลง อากาศที่มีคุณภาพหรืออาการ บริสุทธิ์จะกลับคืนมาอีกครั้ง










