‘สุชัชวีร์’ ชูนโยบายการจัดการขยะต้องปฏิรูป “เข้าให้ถึง เก็บให้ถี่” ยืนยันหากเป็นผู้ว่าฯ จะไม่นั่งติดโต๊ะ ต้องลงพื้นที่นำแก้ปัญหาด้วยตัวเอง

วันที่ 2 พ.ค. 2565 นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 4 พรรคประชาธิปัตย์ และนายนที เข็มศรีสุวรรณ เบอร์ 2 ผู้สมัคร ส.ก. ร่วมกันเดินตลาดวรางกูล เขตคลองสามวา ได้กล่าวถึงการจัดการกับปัญหาขยะว่า กทม. จำเป็นต้องปฏิรูปการเก็บขยะ โดยจะต้อง “เข้าให้ถึง เก็บให้ถี่” เนื่องจากที่ผ่านมา กทม. เช่าและใช้รถเก็บขยะขนาดใหญ่ 5 ตันขนขยะจากในเมืองไปกำจัด ขณะที่กรุงเทพฯ นั้นมีซอกซอยขนาดเล็กมากมาย หากใช้รถขยะแบบเดิมกว่าจะเก็บขยะได้เต็มคันรถต้องใช้เวลานาน และจัดเก็บไม่ทั่วถึง ซึ่งเมืองอื่นๆ ในต่างประเทศนั้นจะมีรถขยะหลายขนาด และแบบที่เป็นรถขยะไฟฟ้าก็มี สามารถเข้าซอยชุมชนได้บ่อย และสะดวกกว่าใช้แรงงานคน อีกทั้งไม่ทำให้น้ำขยะหกเลอะเทอะ นี่เป็นเรื่องการเข้าให้ถึง ซึ่งต้องเปลี่ยนเป็นรถขนาดเล็กและใช้คนน้อย คนเดียวก็เอาอยู่และไปได้หลายที่ ถ้าเป็นรถใหญ่ 1 คัน 5 คน แต่เมื่อเป็นรถเล็ก 5 คน ก็ 5 คัน
นอกจากนี้ ถังขยะกทม. ใช้งานได้ไม่กี่ปีก็กรอบแตกเสียหาย ความจริงแล้วถังขยะต้องทนทานแสงแดดกรุงเทพฯ ได้ จึงต้องเป็นถังขยะที่สเปคสูงกว่านี้ เป็นพลาสติกที่ทนทานได้นานกว่านี้ ตนจึงตั้งใจจะเปลี่ยนสเปคถังขยะให้สูงขึ้น ซึ่งไม่ได้แพงแต่ใช้งานได้นาน คุ้มค่า
สำหรับเรื่องการเก็บให้ถี่นั้น นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งในหลายเขตจำเป็นต้องเพิ่มคน อย่างเขตประเวศ หลายสิบปีแล้วยังไม่มีการเพิ่มบุคลากร ทั้งๆ ที่เป็นเขตที่มีหมู่บ้านจัดสรรมากขึ้น นอกจากนี้ กทม. จำเป็นต้องออกข้อบัญญัติเพื่อให้หมู่บ้านจัดสรรต่างๆ ต้องมีที่พักขยะ เช่นเดียวกับจังหวัดนนทบุรี เพราะการมีที่พักขยะทำให้การจัดเก็บขยะทำได้สะดวกรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้ กทม. เก็บขยะได้ถี่ขึ้นกว่าการที่ต้องมาไล่เก็บตามบ้าน และใช้เวลานานกว่าจะวนกลับมาเก็บขยะอีกรอบ
“ปรับขนาดรถให้เหมาะสม มีถังขยะที่มีคุณภาพให้มากขึ้น มีจุดรวมขยะ เพิ่มจำนวนคน ปฏิวัติขยะด้วย 4 อย่างนี้ชีวิตคนกรุงเทพฯ ดีขึ้นทันที ผมเองก็เป็นคนกรุงเทพฯ เห็นปัญหาทุกวันเหมือนกัน ยิ่งลงพื้นที่ยิ่งเข้าใจ #เราทำได้จริง” นายสุชัชวีร์ ระบุ










