‘จีน’ รัดเข็มขัดโอกาสตลาดแบรนด์หรูมือสอง โต 4.83 ล้านล้านบาท คนเทขายมือสองวันละ 5,000 ชิ้น
อย่างที่เราทราบกันดีว่า ‘จีน’ เป็นตลาดลูกค้าหลักของกลุ่มธุรกิจแบรนด์หรู แต่ทว่าในช่วงให้หลังมาจีนเผชิญกับสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ไม่โตอย่างที่คิด ทำให้กลุ่มคนจีนก็หันมารัดเข็มขัดไม่ใช้เงินซื้อแบรนด์มือหนึ่ง
กลุ่มธุรกิจสินค้าหรู เช่น Richemont เจ้าของ Cartier, Kering เจ้าของ Gucci และ LVMH รายงานว่ายอดขายในไตรมาสที่ 3 ลดลงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยกเว้นญี่ปุ่น ซึ่งจีนเป็นตลาดหลัก
[ ตลาดแบรนด์หรูจีนอาจจะซบเซาอีกยาว ]
ขณะที่ ‘Nicolas Bos’ ผู้บริหาร Richemont ได้กล่าวว่าการชะลอตัวของผู้บริโภคชาวจีน “อาจเป็นปรากฏการณ์ระยะกลางถึงระยะยาว” ประกอบกับ Kering เจ้าของ Gucci ที่บอกว่ารายได้ของปีนี้อาจจะหดตัวลงถึง 50% เพราะตลาดในจีนซบเซา
และนี่คือโอกาสการเติบโตของแบรนด์หรูมือสอง ร้านและแพลตฟอร์มขายแบรนด์หรูมือสองอย่าง ZZER และ Xianyu ที่เปิดให้คนมาขายแบรนด์หรูมือสองกำลังได้ค่าคอมมิชชั่นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
โดยสาขาหน้าร้านของ ZZER ในเซี่ยงไฮ้ บอกว่ารับสินค้าใหม่กว่า 5,000 ชิ้นต่อวัน สะท้อนถึงปริมาณกระเป๋าและเสื้อผ้าหรูที่หมุนเวียนอยู่ในประเทศจีน หรือพูดง่ายๆ ว่าคนจีนกำลังเอาแบรนด์หรูมาขายเก็บไว้รัดเข็มขัด
[ ราคามือ 2 น่าซื้อกว่ามือ 1 สภาพคล้ายๆ กัน ]
ซึ่งราคาแบรนด์หรูมือสองก็ไม่ได้แรงเท่ามือ 1 แต่สภาพกลับใกล้เคียงกัน เปรียบเทียบง่ายๆ กระเป๋า Louis Vuitton มือสองราคา 4,762 หยวน หรือราวๆ 23,800 บาท ชณะที่ราคามือ 1 อยู่ที่ราวๆ 14,300 หยวนหรือ 71,500 บาท เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ตามรายงานของ Frost & Sullivan และมหาวิทยาลัยชิงหัว ตลาดสินค้ามือสองในจีนมีมูลค่าเกิน 1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 138 พันล้านดอลลาร์) หรือราวๆ 4.83 ล้านล้านบาท ขณะที่ในปี 2020 เทียบกับ 300,000 ล้านหยวนในปี 2015 อยู่ที่ราวๆ 1.5 ล้านล้านบาท
‘Jacob Cooke’ ซีอีโอของ WPIC บริษัทการตลาดในปักกิ่ง ชี้ให้เห็นว่า ความสนใจในสินค้าหรูมือสองในฐานะทางเลือกที่คุ้มค่ามีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากแรงกดดันทางเศรษฐกิจและข้อจำกัดในการเดินทางที่ทำให้ผู้คนไม่สามารถซื้อสินค้าจากต่างประเทศได้ รวมถึงเรายังคงเห็นแรงกดดันทางเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาด จึงเป็นโอกาสให้การเติบโตของตลาดแบรนด์หรูมือสองนั่นเอง










