ลาออกครั้งใหญ่ เนื้อหาเพลงใหม่ ‘บียอนเซ่’

ลาออกครั้งใหญ่ เนื้อหาเพลงใหม่ ‘บียอนเซ่’

การลาออกครั้งใหญ่ หรือ The Great Resignation ดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องของยุคสมัยไปแล้วจริงๆ ถึงขนาดที่เพลงใหม่ของศิลปินตัวแม่อย่าง ‘บียอนเซ่’ (Beyonce) ยังพูดถึงเรื่องนี้

โดยซิงเกิลใหม่ของซูเปอร์สตาร์รายนี้มีชื่อว่า Break My Soul ซึ่งปล่อยออกมาเมื่อค่ำคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา เนื้อหาพูดถึงความเจ็บปวดของ ‘คนทำงาน’ ที่นำไปสู่การที่ชาวอเมริกันลาออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จนเรียกว่าเป็นการลาออกครั้งใหญ่

บทเพลงของบียอนเซจึงเหมือนเป็นแหล่งอ้างอิงทางวัฒนธรรมชิ้นล่าสุดที่พูดถึง The Great Resignation

ซึ่งจริงๆ ปรากฏการณ์การลาออกครั้งใหญ่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ประมาณฤดูใบไม้ผลิปี 2021และตั้งแต่นั้นมา ชาวอเมริกันก็แห่ทำคลิปลาออกจากงานลง TikTok จนช่วงนั้นเรียกคลิปแนวนี้ว่า Quit-Toks

ในฟอรัมของแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง Reddit คนอเมริกันมากมายก็มาแบ่งปันเรื่องราวเกี่ยวกับการลาออกของตัวเอง รวมถึงข้อความ

‘นิค บังเกอร์’ นักเศรษฐศาสตร์ กล่าวถึง The Great Resignation ว่าเป็นเรื่องน่าสนใจมากที่ปรากฏการณ์ดังกล่าวได้แทรกซึมเข้าไปวัฒนธรรมของยุคสมัย

“เพลงของบียอนเซ่เป็นตัวอย่างหนึ่งของการรับรู้หรือการอภิปรายในวงกว้างเกี่ยวกับเรื่องที่ผู้คนลาออกจากงาน สะท้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดแรงงานและสังคม” บังเกอร์ระบุ

[ เนื้อหาที่ชวนให้ลาออก ]

สำหรับ ‘Break My Soul’ ปล่อยมาก็ปังทันที โดยติดอันดับ 1 ในชาร์ต iTunes Top 100

ในท่อนแรกของเพลง ควีนบีกล่าวถึงภาวะ Burnout ของคนทำงาน คือ

“And I just quit my job / I’m gonna find new drive / Damn they work me so damn hard / Work by nine / Then off past five / And they work my nerves / That’s why I cannot sleep at night.”

หรือที่แปลว่า “และฉันเพิ่งลาออกจากงาน / ฉันจะหาจุดหมายใหม่ / แย่จังที่พวกเขาทำกับฉันหนักมาก / ทำงานเก้าโมง / เลิกห้าโมง / และพวกเขาทำให้ฉันกังวล / นั่นเป็นสาเหตุที่ฉันนอนไม่หลับตอนกลางคืน”

ต่อด้วยท่อนที่ร้องว่า

Release ya anger, release ya mind

Release ya job, release the time

Release ya trade, release the stress

Release the love, forget the rest

หรือแปลว่า

ปล่อยความโกรธ ปล่อยใจ

ปล่อยงานไป ปล่อยเวลา

ปล่อยความเครียด

ปล่อยรัก ลืมเรื่องที่เหลือให้หมด

ซึ่งแฟนๆ ก็พูดถึงเพลงนี้และการลาออกครั้งใหญ่กันบนโซเชียลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “รู้แล้วว่าทำไมบียอนเซ่ถึงบอกให้ฉันลาออกจากงาน” หรืออีกคนก็ทวีตว่า “บียอนเซ่บอกให้ฉันลาออกจากงานประจำและมาเป็นสตรีมเมอร์เต็มเวลา และ… ฉันอาจจะ … ทำอย่างนั้นได้ไหม…?” อีกคนทวีต

[ Burnout ยังเป็นเชื้อเพลิงให้การลาออกครั้งใหญ่ดำเนินต่อไป ]

กระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า ปีที่แล้วมีผู้คนสมัครใจลาออกมากกว่า 47 ล้านคน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดตลอดกาล

แต่ตัวเลขการลาออกยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ ปี 2022 ในเดือน มี.ค. เดือนเดียว มีคนลาออกจากงานมากกว่า 4.4 ล้านคน เดือน เม.ย. ก็อยู่ในจำนวนที่ใกล้เคียงกัน

แอนโธนี คลอตซ์ รองศาสตราจารย์ที่ University College London School of Management บอกว่าภาวะหมดไฟที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้างในหมู่คนทำงาน เป็น 1 ใน 4 สาเหตุสำคัญที่ทำให้คนลาออกจากงานในช่วงโควิด

การมีเวลาอยู่บ้านมากขึ้นทำให้คนทำงานได้ประเมินลำดับความสำคัญของชีวิตและคุณค่าของตัวเองใหม่ นอกจากนี้คนงานบางส่วนก็ไม่เต็มใจที่จะต้องกลับไปทำงานที่ออฟฟิศอีกครั้ง

“การวิจัยหลายต่อหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า ผู้คนลาออกไม่ใช่เพราะงานที่ทำอยู่เงินไม่ดี แต่เพราะงานของพวกเขาไม่มีความหมายหรือเติมเต็มได้เพียงพอ” รายงานล่าสุดโดย Korn Ferry บริษัทที่ปรึกษาองค์กรระดับโลกระบุ

การลาออกครั้งใหญ่ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานตามมา หลายบริษัทพยายามแย่งชิงคนด้วยการเพิ่มค่าจ้าง จนทำให้อัตราค่าจ้างรายชั่วโมงเดือน พ.ค. ในสหรัฐเพิ่มขึ้น 6.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน และเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 25 ปี

เรียกได้ว่าเรื่องนี้ทำให้กลุ่มคนงานได้รับประโยชน์ด้วยค่าตอบแทนใหม่ที่สูงกว่าเดิม จากก่อนหน้านี้คนที่ลาออกเพราะหมดไฟในการทำงานมักรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอำนาจต่อรอง และการหางานใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

แต่ตอนนี้สถานการณ์พลิกกลับหมดแล้ว

อย่างไรก็ตาม เรื่องการลาออกครั้งใหญ่นี่ดูเหมือนจะไม่จบลงง่ายๆ เพราะเมื่อมีคนลาออก ก็ส่งผลให้เกิดความเครียดและความไม่พอใจในกลุ่มพนักงานที่ยังอยู่

ที่มา: https://www.cnbc.com/2022/06/21/beyonce-break-my-soul-is-an-ode-to-the-great-resignation.html

KanokwanWriterKanokwan
Business Journalist อดีตผู้สื่อข่าวประชาชาติธุรกิจออนไลน์ และ Forbes Thailand Online
สนใจเรื่องความเคลื่อนไหวของแบรนด์ เทคโนโลยี โลกอนาคต ชีวิตการทำงาน ความเหลื่อมล้ำ และความเป็นอยู่ของผู้คน

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง