ถ้าจะพูดถึงมุมมองมหาเศรษฐีต่อคริปโตเคอร์เรนซีแล้ว หลายคนคงทราบดีว่า ‘อีลอน มัสก์’ มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลก เป็นแฟนตัวยงของคริปโตฯ
เขาให้ความสนใจคริปโตฯ มาก โดยเฉพาะบิตคอยน์และเหรียญมีมอย่าง Doge Coin เห็นได้จากการให้ Tesla ไปลงทุนซื้อบิตคอยน์ และการยอมรับให้ใช้ Doge Coin ซื้อสินค้าบางอย่างของ Tesla ได้
แต่ถึงอย่างนั้น มหาเศรษฐีหลายคนก็ไม่ได้สาวกคริปโตฯ แบบอีลอน มัสก์
อย่างเช่น ‘บิล เกตส์’ ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ มหาเศรษฐีอันดับ 4 ของโลกด้วยทรัพย์สิน 1.25 แสนล้านเหรียญ หรือราว 4.28 ล้านล้านบาท ก็เป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีที่ ‘ไม่สนใจ’ คริปโตฯ เช่นกัน
บิล เกตส์ อธิบายผ่านการตอบคำถามใน Reddit ถึงการที่เขาไม่ถือครองคริปโตฯ ว่า เขาชอบลงทุนในสิ่งที่ให้ผลลัพธ์ที่มีคุณค่า มีราคา
เขาบอกว่า มูลค่าของบริษัทขึ้นอยู่กับว่าบริษัทนั้นสร้างโปรดักต์ที่ยอดเยี่ยมได้อย่างไร แต่มูลค่าของคริปโตฯ เป็นเพียงสิ่งที่คนอื่นคิดว่าจะมีอีกคนยอมควักเงินเพื่อมัน ดังนั้น นี่จึงไม่เหมือนการลงทุนแบบอื่นๆ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่บิล เกตส์ แสดงมุมมองที่ไม่เห็นด้วยต่อคริปโตฯ ก่อนหน้านี้ในเดือน ก.พ. เขาให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg และแสดงความกังวลที่นับวันผู้คนก็ยิ่งสนใจคลั่งไคล้บิตคอยน์
“ผมคิดว่าคนที่ซื้อคริปโตฯ เป็นการซื้อความคลั่งไคล้ และอาจเป็นคนที่ไม่ได้มีเงินเหลือเฟือมากนัก คือผมไม่ได้ค้านคริปโตฯ แต่ความคิดของผมคือ ถ้าคุณมีเงินน้อยกว่าอีลอน มัสก์ คุณต้องระวังให้มากๆ”
ขณะที่ตลาดคริปโตฯ กำลังตกต่ำลง จากการล่มสลายของสเตเบิลคอยน์อย่าง TerraUSD เมื่อสัปดาห์ก่อน ที่ส่งผลให้เงินดิจิทัลอื่นตกต่ำลงไปด้วย โดยราคาบิตคอยน์ร่วงลง 27% อีเธอเรียมลดลง 36%
และไม่ใช่แค่บิล เกตส์ แต่มหาเศรษฐีอีกหลายคนก็มีท่าทีไม่เห็นด้วยกับคริปโตฯ เช่นกัน
อย่างเช่น ‘วอร์เรน บัฟเฟตต์’ ซีอีโอ Berkshire Hathaway ที่ออกมาทุบคริปโตฯ เป็นประจำเวลาประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี
บัฟเฟตต์บอกว่า บิตคอยน์นั้นไม่มีมูลค่าอะไรเลย เพราะมันไม่สามารถสร้างอะไรต่อได้อีก เขาเปรียบว่าหากเอาเงินไปซื้ออะพาร์ตเมนต์ก็ยังปล่อยเช่าได้ เอาเงินไปซื้อที่ดินทำการเกษตร ก็ยังให้พืชผล
เขาไม่สนใจบิตคอยน์ถึงขั้นที่บอกในการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งล่าสุดว่า ต่อให้มีคนมาเสนอขายบิตคอยน์ที่มีทั้งหมดในโลกให้เขาด้วยราคา 25 เหรียญสหรัฐฯ เขาก็ไม่ซื้ออยู่ดี
เช่นเดียวกับ ‘ชาร์ลี มังเกอร์’ คู่หูของบัฟเฟตต์ ที่บอกว่าในชีวิตของเขา เขาพยายามจะหลีกเลี่ยง 3 สิ่ง คือ สิ่งที่โง่, สิ่งชั่วร้าย และสิ่งที่ทำให้เขาดูแย่ ซึ่งบิตคอยน์เป็นทั้ง 3 สิ่ง
มังเกอร์อธิบายว่า การถือบิตคอยน์เป็นเรื่องโง่เพราะมีแนวโน้มว่าจะมีมูลค่าเหลือศูนย์ เป็นเรื่องชั่วร้ายเพราะบ่อนทำลายระบบธนาคารกลางสหรัฐฯ และทำให้สหรัฐฯ ดูโง่ เมื่อเทียบประเทศคอมมิวนิสต์อย่างจีน ที่ประกาศแบนบิตคอยน์
อ้างอิง:
https://finance.yahoo.com/news/warren-buffett-just-said-doesn-220000034.html
https://www.businessinsider.com/bill-gates-crypto-currency-isnt-adding-to-society-reddit-ama-2022-5










