‘เมย์ วาสนา – จี๋ สุทธิรักษ์’ เปิดสูตรปั้นแบรนด์ให้โตไว ยุคผู้เล่นมีมาก ตลาดเปลี่ยนเร็ว

‘เมย์ วาสนา – จี๋ สุทธิรักษ์’ เปิดสูตรปั้นแบรนด์ให้โตไว ยุคผู้เล่นมีมาก ตลาดเปลี่ยนเร็ว

อุตสาหกรรมอาหารเสริมยังโตต่อเนื่อง ในยุคที่ผู้คนเน้นใส่ใจสุขภาพ ความงาม และการดูแลตัวเองมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดมีมูลค่าสูงถึง กว่า 90,000 ล้านบาท แต่ในมุมของผู้ประกอบการการแข่งขันในน่านน้ำนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ผู้เล่นในตลาดเวียนวนเข้าออก เปลี่ยนโลโก้ สร้างแบรนด์ใหม่กันไม่รู้จบ จนถึงรายใหญ่ที่ยังเติบโตเรื่อยๆ ส่วนในมุมผู้บริโภคตัวเลือกตลาดมีมากมาย และเทรนด์ก็เปลี่ยนไว

ใครจะเริ่มธุรกิจนี้ให้ยั่งยืนและชิงส่วนแบ่งการตลาดได้แค่ไหน เราลองมาดูกรณีศึกษาที่น่าสนใจ จาก ‘ดร.วาสนา อินทะแสง’ ผู้ก่อตั้ง บริษัท ไบโอแอคทีฟ เอ็นแซต 1984 จำกัด หรือที่รู้จักกันในชื่อ เมย์ วาสนา ร่วมกับ ‘สุทธิรักษ์ ทรัพย์วิจิตร’ ผู้ร่วมก่อตั้ง หรือ ‘จี๋ สุทธิรักษ์’ นักแสดงชื่อดังที่ปั้นแบรนด์ขึ้นมา 4 เดือนกว่าๆ ด้วยยอดขายสูงถึง 900 ล้านบาท โดยบริษัทคาดว่าปิดปีน่าจะยอดขายแตะ 1,500 ล้านบาท 

แล้วทั้งคู่มีกลยุทธ์ปั้นแบรนด์ยังไงให้สามารถตีตลาดได้ไว? TODAY Bizview ได้พูดคุยกับ ‘เมย์ วาสนา’ และ ‘จี๋ สุทธิรักษ์’ สรุปให้อ่านผ่านบทความนี้

[ เลือกปัดฝุ่นแบรนด์เก่าแก่ในช่วงที่ผู้เล่นในตลาดกำลังจมน้ำ ]

‘เมย์ วาสนา’ เล่าให้ฟังว่า แบรนด์ Bioactive ก่อตั้งขึ้นในปี 1984 โดยเจ้าของชาวนิวซีแลนด์ ทำให้ปัจจุบัน แบรนด์มีอายุถึง 40 ปีแล้ว ซึ่งในอดีตแบรนด์เคยดังมากๆ ในนิวซีแลนด์ มีผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมที่ทำให้แบรนด์นี้มีชื่อเสียง

แรกเริ่ม ‘เมย์ วาสนา’ เข้าไปลงทุนโรงงานกับแบรนด์อย่างเดียว แต่ในตอนนั้นธุรกิจ Bioactive นิวซีแลนด์เริ่มท่าทางไม่ดี ผู้ก่อตั้งก็ไม่ได้มีทายาทมาสานต่อธุรกิจนี้ ทำให้ต่อมาจึงตัดสินใจซื้อแบรนด์มา และนำมาปัดฝุ่นพัฒนาโปรดักส์ใหม่ 

“เมย์โชคดีที่เข้ามาในตลาดในจังหวะที่เจ้าของแบรนด์หลายๆ คนกำลังจมน้ำ แล้วหลายๆ แบรนด์กำลังไม่มีทิศทางในการเดินทาง”

เมย์ยังอธิบายเพิ่มเติมว่าในช่วงนั้น แบรนด์จำนวนมากประสบปัญหาขาดทุนจากการลงทุน และตลาดออนไลน์กำลังน่ากลัวมาก มีการขายสินค้าในราคาที่ต่ำจนไม่น่าเชื่อถือ เช่น 9 บาท หรือ 10 บาท ซึ่งทำให้คุณภาพสินค้าต่ำและผู้บริโภคไม่เชื่อถือในที่สุด สิ่งนี้ทำให้ตลาดอาหารเสริมโดยรวม “พังพินาศ” 

ดังนั้น แบรนด์เข้ามาในตลาดในช่วงที่หลายๆ แบรนด์กำลังประสบปัญหาอย่างหนัก และเมย์มองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สามารถสร้างรายได้ให้กับคนกลุ่มนี้ได้ เช่น กลุ่ม Affiliate โดยวางไลน์อัพสินค้าให้ตอบโจทย์

[ สิ่งที่เงินซื้อไม่ได้คือ ‘เวลา’ ]

ในมุมของการปั้นแบรนด์ เมย์ วาสนา อธิบายว่า ด้วยความเชี่ยวชาญที่เป็นเจ้าของธุรกิจ Revomed บริษัทรับผลิต OEM ให้กับแบรนด์อาหารเสริมต่างๆ มามากกว่า 5,000 แบรนด์และที่ผ่านมาก็เคยเป็นผู้ประสบภัยมีคนไม่จ่ายยอดหนี้ที่ค้างเยอะ ทำให้เธอตัดสินใจมาปั้นแบรนด์เองดีกว่า โดยการซื้อแบรนด์เก่าแก่มาปัดฝุ่นในชื่อ BioActive+ ทำให้เราโตได้เร็วกว่าการปั้นแบรนด์ใหม่ด้วย

“เงินซื้ออะไรได้หลายอย่าง แต่เงินไม่สามารถซื้อเวลาได้ นี่คือสิ่งที่ทำให้เราตระหนักว่า เวลามีค่ามากที่สุด เพราะต่อให้ย้อนกลับไปเริ่มใหม่อีก 40 ปี เราก็ไม่มีทางได้เวลานั้นคืนมา ถ้าเราจะสร้างแบรนด์ใหม่ขึ้นมา แน่นอนว่ามันต้องใช้เวลา และอาจเดินช้ากว่าคนอื่น แต่ในเมื่อเราอยากให้เส้นทางนั้นไปได้เร็วและพุ่งแรงขึ้น สิ่งที่จะทำให้เราไปถึงจุดนั้นได้จริงๆ ก็คือ ความไว้วางใจที่สร้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง” เมย์ วาสนากล่าว 

[ ปรับแบรนด์ดิ้งแบรนด์เก่า ด้วยจุดขายบุคคลและความจริงใจ ]

โดยทั้ง ‘เมย์ วาสนา’ และ ‘จี๋ สุทธิรักษ์’ แบ่งหน้าที่กันในการดูภาพรวมแบรนด์ ฝั่งเมย์ดูเรื่องหลังบ้านหน้าบ้านทั้งหมด การเงินต่างๆ ส่วนฝั่งจี๋เข้ามาช่วยดูเรื่องแบรนด์ดิ้ง และแผนการตลาดต่างๆ 

และด้วยความที่โปรดักส์นี้มีชื่อเสียงมาก่อนทำให้เกิดความน่าเชื่อถือในแบรนด์มากอยู่แล้ว  ‘เมย์ วาสนา’ และ ‘จี๋ สุทธิรักษ์’ ก็เอาแบรนด์มาปรับปรุงแบรนด์ดิ้งใหม่ เอาตัวเองมาอยู่เบื้องหน้าแบรนด์ขายความจริงใจ ความเชื่อใจให้กับผู้บริโภคมากกว่าเดิม เช่น  แงะส่วนผสมที่ปลอดภัยมาให้ผู้บริโภคได้เห็น รวมทั้งไลฟ์สดขายสินค้าเกือบจะทั้งวัน

พรีเซนส์สินค้าด้วยการโฟกัสรูปแบบการบริโภคใหม่  พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับ Creator Affiliate และลูกค้าที่ใช้จริง โดยเฉพาะ Affiliate มีบทบาทสำคัญอย่างมาก โดยคิดเป็นประมาณ 80% ของยอดขาย 50% ที่มาจาก TikTok และถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ (Brand Ambassador)

นอกจากนี้ ยังพยายามจัดอีเวนต์ต่างๆ พยายามแทรกแบรนด์และสินค้าเข้ากับทุกกิจกรรมและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักศึกษา คนทำงาน คนออกกำลังกาย คนชอบเที่ยว หรือกลุ่มแฟชั่น อย่างแฟชั่นโชว์ของแบรนด์ก็เคยจัด ซึ่งเป็นอะไรใหม่ๆ ที่แบรนด์อาหารเสริมจะจัดแฟชั่นโชว์

[ ‘จี๋ สุทธิรักษ์’ กับความชอบส่วนตัว สู่การเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง ]

สำหรับ ‘จี๋ สุทธิรักษ์’ ที่มีบทบาทนักแสดงมาก่อนนักธุรกิจ ก็ถือเป็นความท้าทายใหม่ๆ เมื่อมาทำแบรนด์ก็มุ่งมั่นในการทำความเข้าใจแหล่งที่มาของส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์มีการเดินทางไปดูแหล่งวัตถุดิบ วิธีการสกัด และกระบวนการผลิต

แต่จี๋เองก็ยังต้องเรียนรู้อะไรอีกมา เมื่อมาอยู่ในบทบาทนี้ เขาต้องศึกษาและหาความรู้เพิ่มเติมมากเป็น 2-3 เท่า โดยเฉพาะงานวิจัยใหม่ๆ ด้านสุขภาพ และต้องรู้การจัดการตัวเลข การทำความเข้าใจและจัดการข้อมูลตัวเลขต่างๆ เช่น ต้นทุนการผลิต ข้อมูลหลังบ้าน ยอดขาย และเปอร์เซ็นต์ต่างๆ ก็เป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่เขาก็พยายามเรียนรู้และปรับตัวให้มากขึ้นในทุกๆ วัน

“โชคดีที่มีคุณเมย์เป็น ‘โค้ชที่ดี’ และมีทีมงานที่ดีคอยให้คำแนะนำและช่วยขับเคลื่อนซึ่งกันและกัน” จี๋ สุทธิรักษ์ กล่าว 

สำหรับทิศทางของบริษัทหลังจากนี้คือเตรียมรุก CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) และ สหรัฐอเมริกา โดยประสานความร่วมมือกับผู้ค้าและผู้จัดจำหน่าย เพื่อเจาะแพลตฟอร์มรายใหญ่ทั้ง Walmart และ Amazon

และกำลังขยายเข้าสู่ช่องทางนี้ เช่น โรงพยาบาลกรุงเทพและบำรุงราษฎร์ เพื่อวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์เป็น medical grade ส่วนเดือนธันวาคม มีแผนจะเข้าสู่ร้านสะดวกซื้อ 

รวมทั้งพัฒนาโปรดักส์เปิดตัวอีก 3 SKU ใหม่

ส่วนของยอดขาย ปัจจุบันนับตั้งแต่  4 เดือนหลังการเปิดตัว (5 พฤษภาคม– 9 กันยายน 2568) ทำยอดขายพุ่งทะลุ 921 ล้านบาท (ข้อมูลซัปพอร์ต จาก Insight Data ของยอดขาย 

และตั้งเป้าแตะ 1,500 ล้านบาทภายในสิ้นปี 2568 หรือคิดเป็น Market Share ประมาณ 3% ของตลาดอาหารเสริมไทย

AyosiriWriterAyosiri
เป็นนักข่าวการเงิน สนใจเรื่องการลงทุนและการตลาด ประวัติศาสตร์ อยากสื่อสารให้เรื่องเป็นเงินสำหรับทุกคน

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง