สธ.เผย จ่อเพิ่ม 18 จว.สีฟ้า เดือน ธ.ค. เคาะฉีดวัคซีนโควิด-19 พร้อมกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ ส่วนคนฉีดวัคซีนซิโนฟาร์มครบ 2 เข็ม จะได้ฉีดเข็มบูสเตอร์ด้วย แอสตร้าเซนเนก้า คาดเริ่มฉีดได้สัปดาห์หน้า
วันที่ 5 พ.ย. 2564 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงรายงานสถานการณ์การระบาดโรคโควิด-19 ว่า สถานการณ์ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ข้อมูลวันที่ 4 พ.ย. 2564 ฉีดเพิ่มขึ้น 824,650 โดส สะสม 78,656,124 โดส ทั้งนี้ คาดว่าใน 1 – 2 วันนี้ จะสามารถฉีดวัคซีนสะสมได้ถึง 80 ล้านโดส ต้องขอบคุณประชาชนที่เข้ารับวัคซีนเพื่อป้องกันตัวเองและคนรอบตัว
ขณะนี้แนวโน้มภาพรวมการติดเชื้อทั้งประเทศค่อนข้างลดลงอย่างช้าๆ โดยมีการศึกษาประสิทธิผลวัคซีนในการป้องกันการติดเชื้อ ศึกษาจากฐานข้อมูลห้องปฏิบัติการ สปคม. ของผู้รับบริการพื้นที่ กทม. และ MOPH IC พบว่าวัคซีนหลักทั้ง 2 สูตร ได้แก่ วัคซีนสูตรแอสตร้าฯ + แอสตร้าฯ ป้องกันการติดเชื้อ 54% และวัคซีนสูตรซิโนแวค + แอสตร้าฯ ป้องกันการติดเชื้อ 70%
สำหรับมติการประชุมคณะอนุกรรมการการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคครั้งที่ 8/2554 เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 64 ที่ผ่านมา มีมติให้ฉีดวัคซีนโควิด-19 เข้าผิวหนัง เฉพาะกรณีที่มีปริมาณวัคซีนจำกัด สามารถฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่พร้อมกับวัคซีนโควิด-19 ได้
ส่วนผู้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าครบ 2 เข็ม สามารถรับวัคซีนกระตุ้น เข็ม 3 ด้วยไฟเซอร์หรือโมเดอร์นา หลังจากรับวัคซีนเข็ม 2 แล้ว 6 เดือนขึ้นไป หรือภายใต้ดุลยพินิจของแพทย์
นพ.โอภาส กล่าวต่อว่าสำหรับผู้รับวัคซีนซิโนฟาร์มครบ 2 เข็ม จะได้รับการกระตุ้นเข็ม 3 ด้วย แอสตร้าเซนเนก้า โดยต้องรอการศึกษาเพิ่มเติมจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์อีกครั้ง คาดว่าน่าจะเริ่มฉีดตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป
นพ.โอภาส กล่าวถึงพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว 17 จังหวัดและพื้นที่สีฟ้าที่ต้องฉีดวัคซีนครอบคลุมกว่าพื้นที่อื่นว่า ยอดรวมสะสมร้อยละ 80 ของประชากร ซึ่งจะมีความปลอดภัย ช่วยลดการติดเชื้อลงได้ และหากติดเชื้ออาการก็จะไม่รุนแรง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 คือ ผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 แล้วร้อยละ 77 เข็มที่ 2 อีก ร้อยละ 64
ส่วนเดือนธันวาคมนี้ จะมีจังหวัดอื่นเข้ามาเป็นพื้นที่สีฟ้าเพิ่มขึ้นอีก 17 – 18 จังหวัด จึงขอให้เร่งฉีดวัคซีนกันต่อไป










