กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยผลศึกษาการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 เข้าในชั้นผิวหนังสร้างภูมิคุ้มกันได้ดี สู้กับเดลตาได้ ขณะผลข้างเคียง พบน้อยกว่าฉีดวัคซีนเข้ากล้ามเนื้อ
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เปิดเผยว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) ด้วยการสนับสนุนของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ผ่านบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้ศึกษาการทดสอบภูมิคุ้มกันและความปลอดภัยจากการได้รับวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ทั้งนี้วิธีฉีดวัคซีนโดยทั่วไป มี 3 วิธี คือ ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ แทงเข็ม 90 องศา ตัวอย่างวัคซีน วัคซีนรวมคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน รวมถึงวัคซีนโควิด
ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง เข็ม 45 องศา ตัวอย่างวัคซีน วัคซีนรวมหัด คางทูมและหัดเยอรมัน วัคซีนไข้สมองอักเสบ
การฉีดเข้าในชั้นผิวหนัง เข็ม 10 – 15 องศา ตัวอย่างวัคซีนที่ฉีด วัคซีน BCG (วัณโรค) วัคซีนพิษสุนัขบ้า ซึ่งการฉีดวิธีนี้มีความยากกว่า 2 วิธีแรก เพราะต้องมีทักษะพอสมควร
แต่ขณะนี้มีหลายประเทศเริ่มคิดเรื่อนี้ เพราะโดยทั่วไปการฉีดเข้าในชั้นผิวหนังจะใช้จำนวนวัคซีนน้อยว่าถึง 1 ใน 5
ในงานวิจัยของเรา ทำการศึกษาในกลุ่มประชากรที่ได้รับการฉีดวัคซีนซิโนแวคแล้ว 2 เข็ม และกระตุ้นเข็ม 3 เป็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนกา อายุระหว่าง 18 – 60 ปี จำนวน 95 คน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ
กลุ่มแรกฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 1 โดส (0.5 ml.)เข้ากล้ามเนื้อ จำนวน 30 คน
กลุ่มที่ 2 ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 1/5 โดส (0.1 ml.) ฉีดเข้าในผิวหนัง จำนวน 31 คน (ระยะศึกษา 4-8 สัปดาห์)
และกลุ่ม 3 ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 1/5 โดส (0.1 ml.)ฉีดเข้าในผิวหนัง จำนวน 34 คน (ระยะศึกษา 8-12 สัปดาห์)
โดยทำการศึกษาจากการตอบสนองต่อภูมิคุ้มกัน (Antibody responses) และการตอบสนองของทีเซลล์ (T cell responses)
ผลการศึกษา 14 วันหลังจากได้รับการกระตุ้นวัคซีนเข็มที่ 3 พบว่า
กลุ่มที่ 1 ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 1 โดส เข้ากล้ามเนื้อ ระดับภูมิคุ้มกันเพิ่มสูงขึ้นเป็น 1652.0 AU (Arbitrary Unit )
ส่วนกลุ่มที่ 2 และ 3 ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 1/5 โดส ฉีดเข้าในชั้นผิวหนัง ระดับภูมิคุ้มกันเพิ่มสูงขึ้นเป็น 1300.5 AU (Arbitrary Unit ) จากเดิมหลังฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มระดับภูมิคุ้มกันอยู่ที่ 128.7 AU (Arbitrary Unit )
นอกจากนี้ระดับภูมิคุ้มกันในการยับยั้งการเข้าสู่เซลล์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา การกระตุ้นเข็ม 3 ด้วยวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าฉีดเข้าในผิวหนังสามารถยับยั้งได้ถึง 234.4 AU (Arbitrary Unit ) จากเดิมที่ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม ยับยั้งได้ 16.3 AU (Arbitrary Unit )
ส่วนการตอบสนองของเซลล์เม็ดเลือดขาวหรือทีเซลล์ต่อโปรตีนหนามแหลมของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีหน้าที่สู้กับไวรัสเมื่อไวรัสเข้าสู่เซลล์แล้ว พบว่า ทั้งสามกลุ่มมีการทำงานของทีเซลล์ต่อโปรตีนหนามแหลมที่ดีขึ้นกว่าเดิมที่ฉีดซิโนแวค 2 เข็ม
นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า การวิจัยนี้ดูในเรื่องของความปลอดภัยและภูมิคุ้มกัน ปรากฏว่า การฉีดในชั้นผิวหนัง พบผลข้างเคียงที่เป็นอาการเฉพาะที่มากกว่า เช่น คลำแล้วเป็นไต กดแล้วเจ็บ คัน ร้อน ปวด บวม แต่อาการทั่วไปในภาพรวม เช่น คลื่นไส้อาเจียน ปวดเมื่อย หอบเหนื่อย ปวดหัว พบน้อยกว่า
ซึ่งการฉีดวัคซีนด้วยวิธีฉีดเข้าในชั้นผิวหนังยังไม่ได้ใช้ทั่วไป ยกเว้นบางพื้นที่ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด แต่ต่อไปถ้าจะมีการเร่งเข็มบูสเตอร์ให้ครอบคลุม การฉีดวิธีนี้จะครอบคลุมและทำให้ได้รับเข็มสามครบเร็วขึ้น ที่สำคัญการฉีดวิธีนี้ใช้วัคซีนน้อยกว่า และผลข้างเคียงน้อยกว่า แต่ผลภูมิคุ้มกันได้ผลใกล้เคียงกับการฉีดแบบเดิม











