นพ.มนูญ เผยต้องฉีดเข็มกระตุ้นด้วย mRNA จึงมั่นใจว่าป้องกันป่วยหนัก–เสียชีวิตจาก ‘โอไมครอน’ ได้
วันที่ 25 มี.ค. 2565 นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ให้ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุถึงการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อรับมือการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ว่า ฮ่องกงมีประชากร 7.4 ล้านคน ติดเชื้อไวรัสโควิดไปแล้ว 1.09 ล้านคน เสียชีวิต 6,569 คน อัตราเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 สูงที่สุดในโลก คนที่เสียชีวิตส่วนใหญ่ไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือยังไม่ได้ฉีดเข็มกระตุ้น สัปดาห์ที่แล้วมีติดเชื้อสูงสุด 7.5 หมื่นคนต่อวัน แต่ขณะนี้เริ่มลดลงแล้ว
การที่คนฮ่องกงเสียชีวิตมากจากโรคโควิด-19 ทั้งๆ ที่ส่วนใหญ่ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน ซึ่งมีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์เดลตาหลายเท่า เพราะ
1.คนฮ่องกงร้อยละ 60 ได้รับวัคซีน 2 เข็ม และคนฮ่องกงอายุ 70 ปีขึ้นไปร้อยละ 50 ยังไม่ได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว คนอายุ 80 ปีขึ้นไปร้อยละ 50 ได้รับเพียงเข็มเดียว ร้อยละ 37 ได้รับ 2 เข็ม มีเพียงร้อยละ 2 เท่านั้นที่ได้รับ 3 เข็ม
2.วัคซีนที่คนฮ่องกงได้รับร้อยละ 80 เป็นวัคซีนเชื้อตายซิโนแวค ที่มีประสิทธิภาพสูงไม่เพียงพอสำหรับเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน คนฮ่องกงเพียงร้อยละ 20 เลือกฉีดวัคซีน mRNA ไฟเซอร์ มีการศึกษาในฮ่องกงพบว่าวัคซีนเชื้อตายป้องกันการเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนไม่ดีเท่าวัคซีนไฟเซอร์
ประเทศไทยนำเข้าวัคซีนเชื้อตายซิโนแวคและซิโนฟาร์มรวม 40 ล้านโดส คนไทยที่ได้รับวัคซีนเชื้อตาย 2 เข็ม หลังได้วัคซีนแอสตร้าเซเนกา 1 เข็ม ต้องกระตุ้นด้วยเข็มที่ 4 เป็นวัคซีน mRNA ไฟเซอร์หรือโมเดอร์นา ถึงจะมั่นใจว่าป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตจากไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนได้
ส่วนคนที่ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า 2 เข็ม ต้องกระตุ้นด้วยวัคซีนชนิด mRNA ไฟเซอร์หรือโมเดอร์นาอีก 1 เข็ม










