‘ไทย’ เปย์สุดในอาเซียน วิธีที่พลัง ‘แฟนด้อม’ มีผลต่อแบรนด์

‘ไทย’ เปย์สุดในอาเซียน วิธีที่พลัง ‘แฟนด้อม’ มีผลต่อแบรนด์

ธุรกิจ

ถ้าได้ยินคำว่า ‘แฟนด้อม’ หลายคนอาจจะคิดถึงกลุ่มแฟนคลับศิลปินเกาหลี แต่จริงๆ แล้วกว้างกว่านั้น มันหมายถึง การรวมตัวของคนที่มีความชื่นชอบในเดียวกัน ซึ่งความชอบนี้จะครอบคลุมทั้งตัวบุคคล สินค้า แบรนด์ กีฬา งานอดิเรกต่างๆ หรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง 

หลายๆ ครั้ง (แต่ไม่เสมอไป) แฟนด้อมมักมาพร้อมกับพฤติกรรม ‘สายเปย์’ ไม่ว่าจะเปย์ด้วยการซื้อของโดยตรง สนับสนุนศิลปินหรือแบรนด์ที่รัก ทั้งหมดล้วนมาบรรจบกันที่การสร้างความสุขให้กับตัวเอง

พฤติกรรมสร้างความสุขให้กับตัวเองในลักษณะนี้ไม่ใช่แค่พลังทางความรู้สึกเท่านั้น แต่ยังเป็นอีกหนึ่งพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในประเทศอาเซียน ที่ฮิลล์ อาเซียน ได้วิจัยออกมาแล้วว่า ไทยและประเทศเพื่อนบ้านมีแนวโน้มจะ ‘อิน’ และหนึ่งเดียวกันในแฟนด้อมมากกว่าญี่ปุ่นที่สำรวจควบคู่กัน 

การรวมตัวของแฟนด้อมสำคัญอย่างไร? เช่นเดียวกับการรวมตัวของสมัชชาแรงงาน การรวมตัวของนักเรียกร้องสิทธิ์ เมื่อกลุ่มคนที่มีความชอบเดียวกันมาอยู่ด้วยกัน มันทำให้เกิดพลัง และอำนาจการต่อรองในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ที่แม้แต่ตัวกลุ่มสมาชิกแฟนด้อมเองก็อาจจะไม่คาดคิด

ในมุมของการตลาด พลังนี้เป็นเหมือนโอกาสที่แบรนด์สินค้าจะคว้าเอาไว้ โดยอาสาเป็นตัวกลางทำเซอร์วิสสร้างความใกล้ชิดระหว่างแฟนด้อมกับเซ็นเตอร์ และมีการสนับสนุนจากสมาชิกของแฟนด้อมเป็นของแลกเปลี่ยน เช่นการซื้อของเพื่อลุ้นรับสิทธิ์ได้ลายเซ็นศิลปิน หรือลุ้นได้รับรางวัลสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากแบรนด์ในดวงใจ 

แล้วแบรนด์ต่างๆ จะเอาใจแฟนด้อมเพื่อเพิ่มฐานสนับสนุนได้อย่างไร?

ก่อนอื่นๆ เรามารู้ข้อมูลคร่าวๆ ก่อน โดยพื้นฐานแล้ว จุดประสงค์ของคนอาเซียนในการรวมตัวเป็นแฟนด้อมนั้นไม่ใช่แค่ต้องการความสนุก แต่ยังเข้ามาเพื่อเติมเต็มสิ่งที่ไม่มีโอกาสได้เจอในชีวิตจริง นั่นก็คือ สังคมที่เท่าเทียม ไม่เหลื่อมล้ำ  

จากการสำรวจพบว่าโครงสร้างแฟนด้อมในอาเซียนมีลักษณะเกื้อกูล ไม่มีผู้นำสูงสุด แต่ทุกคนอยู่อย่างเท่าเทียม และสนับสนุนซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์ในแฟนด้อมของชาวอาเซียนจึงไม่ใช่แค่คอมมูนิตี้ของคนที่ชอบสิ่งเดียวกัน แต่บางครั้งยังถูกมองเป็น ‘ครอบครัว’ ที่พร้อมจะทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อสร้างประโยชน์ และผลักดันสังคมไปในทิศทางเดียวกัน (ผลมาจากมี Pain Point เดียวกัน)

ดังนั้น สิ่งที่แฟนด้อมในอาเซียนต้องการจึงไม่ใช่แค่โปรโมชั่นลดราคา แต่คือการสนับสนุน และการมีส่วนร่วมของแบรนด์ในการผลักดันแคมเปญเกี่ยวกับภาคสังคม ซึ่งจะทำให้สมาชิกแฟนด้อมรู้สึกว่าแบรนด์มีความเข้าอกเข้าใจ และเป็นส่วนหนึ่งของแฟนด้อมอย่างแท้จริง 

นั่นทำให้อาเซียนเป็นหมุดหมายที่ดีในการที่แบรนด์จะเข้ามาเติมเต็มช่องว่างตรงนี้ และเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน

จากการสำรวจของ ฮิลล์ อาเซียน พบว่า 83% ของชาวอาเซียนมีแบรนด์ในดวงใจที่พร้อมสนับสนุนอยู่แล้ว ขณะที่ญี่ปุ่นมีเพียง 54% เท่านั้นที่มีแบรนด์โปรด เท่ากับว่า โอกาสแบรนด์ต่างๆ จะทำการตลาดแบบความภักดีในตราสินค้า (Brand Loyalty) ในอาเซียนมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าในญี่ปุ่น

สำหรับข้อมูลค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของแฟนด้อมในอาเซียนพบว่า 24.0% ของผู้ทำแบบสำรวจใช้เงินกับแฟนด้อมประมาณ 30% ของรายได้ต่อเดือน (หรือมากกว่านั้น) รองลงมาคือ 19.5% ใช้เงินกับแฟนด้อมประมาณ 20% ของรายได้ต่อเดือน ตามมาด้วย 27.3% ใช้กับแฟนด้อมประมาณ 10% ของรายได้ต่อเดือน และสุดท้ายคือ 29.1% ใช้เงินกับแฟนด้อมน้อยกว่า 10% ของรายได้ต่อเดือน 

มาเจาะที่ไทย พบว่า 34.3% ของคนไทยใช้จ่ายกับแฟนด้อมประมาณ 30% หรือมากกว่าของรายได้ต่อเดือน ตามมาด้วย 23.9% ใช้จ่ายกับแฟนด้อม 20% ของรายได้ต่อเดือน รองลงมาคือ 28.2% ใช้กับแฟนด้อมประมาณ 10% ของรายได้ต่อเดือน และสุดท้าย 13.7% ใช้กับแฟนด้อมน้อยกว่า 10% ของรายได้ต่อเดือน 

จากข้อมูลพบว่าคนไทยเป็นกลุ่มที่เปย์ให้กับแฟนด้อมมากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน และยังมีแนวโน้มจะเปย์ให้แบรนด์ที่สนับสนุนแฟนด้อมมากที่สุดด้วยเช่นกัน ส่วนหมวดที่มีการใช้จ่ายมากที่สุดคือ “กลุ่มงานอดิเรก” 

อีกหนึ่งข้อมูลที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ เมื่อต้องแบ่งเงินไปใช้จ่ายกับแฟนด้อม คนไทยจะลดค่าใช้จ่ายกลุ่มเสื้อผ้า การทานอาหารนอกบ้าน และกิจกรรมบันเทิงมากที่สุด แสดงให้เห็นว่าความสุขที่เกิดจากแฟนด้อมเป็นสิ่งที่สามารถมาทดแทนความสุขจากการช็อปปิ้ง หรือกิจกรรมบันเทิงบางประเภทได้

ส่วน 3 เหตุผลที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจเป็นแฟนคลับของแบรนด์ใดแบรนด์หนึ่ง นั่นก็คือ

  1.     ผลิตภัณฑ์และบริการมีคุณภาพสูง ออกแบบมาอย่างดี (56.7%)
  2.     แบรนด์ทำให้ลูกค้ามีคุณค่า ชอบที่จะเห็นตัวเองใช้แบรนด์นั้นๆ (41.3%)
  3.     แบรนด์ให้ความสำคัญกับฟีดแบค และรับฟังความเห็นจากลูกค้า (39.1%)

ไม่ใช่แค่นั้น จากการสำรวจยังพบโอกาสทางการตลาดอื่นๆ ซ่อนอยู่ ตามข้อมูลระบุว่า 51% ของผู้ตอบแบบสอบถามยินดีจะสนับสนุนแบรนด์มากขึ้น ถ้าแบรนด์เข้ามาทำกิจกรรม หรือเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญร่วมกับแฟนด้อม ซึ่งในตัวเลข 51% นี้ยังพบว่า 88% พร้อมจะจ่ายเงินมากกว่าเดิม ถ้าแบรนด์แสดงจุดยืนให้เห็นชัดเจน ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม

ที่ผ่านมา มีหลายครั้งที่แบรนด์สร้างโอกาสจากแฟนด้อมไม่ตรงจุด จึงทำให้การตลาดในลักษณะนี้ทำได้ไม่ต่อเนื่อง และไม่ประสบความสำเร็จ ฮิลล์ อาเซียน ได้แนะนำเทคนิคในการทำงานร่วมกับแฟนด้อมให้กับแบรนด์สินค้า ซึ่งจะแบ่งเป็นสองแนวทางคือ แบรนด์ที่อยากเติบโตไปพร้อมกับแฟนด้อม กับแบรนด์ที่อยากสร้างแฟนด้อมของตัวเอง

รูปแบบแรก คือแบรนด์ที่อยากเติบโตไปพร้อมกับแฟนด้อม ก่อนอื่นสิ่งที่แบรนด์ต้องทำคือพิจารณาความเป็น ‘ตัวตน’ ของทั้งแบรนด์และแฟนด้อม ไม่ว่าจากวัตถุประสงค์หรือวิสัยทัศน์ ไม่ใช่พิจารณาจากแค่ขนาดแฟนด้อมหรือกระแสในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง หากต้องการเกื้อกูลประโยชน์กันในระยะยาว 

รูปแบบที่สองคือ อยากมีแฟนด้อมของตัวเอง จากการสำรวจพบว่า สิ่งที่แฟนด้อมต้องการคือ ‘ความเท่าเทียม’ หากอยากสร้างความเป็นคอมมูนิตี้ให้ยั่งยืน ต้องให้ความสำคัญทั้งกับลูกค้าทั่วไปและ Top Spender ไม่เลือกปฏิบัติจนทำให้ลูกค้าทั่วไปรู้สึกถูกลดทอนคุณค่า ซึ่งนอกจากจะสร้าง Brand Royalty แล้ว ยังทำให้ภาพลักษณ์ของแบรนด์เป็นมิตรมากขึ้นด้วย

เป็นกรณีศึกษาอิทธิพลของแฟนด้อมที่มีต่อแบรนด์ โดยเฉพาะแฟนด้อมชาวไทย ที่พิสูจน์แล้วว่าพร้อมเปย์หนัก เมื่อความสุขที่เกิดจากแฟนด้อมทดแทนความสุขจากการช็อปปิ้ง หรือกิจกรรมบันเทิงบางประเภทได้

แท็กที่เกี่ยวข้อง
TODAY BizviewWriterTODAY Bizview
TODAY Bizview by workpointTODAY
ข่าว สาระ ความรู้ ด้านธุรกิจในประเทศและต่างประเทศที่ออกแบบมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง