ยุคนี้กลายเป็นยุคของคนที่อยากเป็นนักธุรกิจ ผู้ประกอบการ หรือทำอาชีพที่เป็นนายตัวเองมากขึ้น คล้ายกับสมัยก่อนในรุ่น Baby Boomer (อายุมากกว่า 58 ปีขึ้นไป) ส่วนใหญ่ที่มีความเชื่อว่า ‘ข้าราชการ’ คือความมั่นคงที่สุดในชีวิตการทำงาน
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจล่าสุดของ ‘มาสเตอร์การ์ด’ ให้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับสัดส่วนของ ‘ผู้หญิงไทย’ ที่เริ่มมองการเปิดธุรกิจเป็นของตัวเอง มีความฝันอยากจะเป็นเจ้าของกิจการมากขึ้น
[ หญิงไทยชอบเสี่ยง อยากเริ่มต้นธุรกิจมากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก ]
ผลจากการศึกษานี้ ระบุว่า ผู้หญิงไทย 81% เคยคิดที่จะเริ่มต้นทำธุรกิจของตนเอง ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 51%
นอกจากนี้ ยังพบว่าคนไทยเกือบครึ่งหนึ่ง (49%) มองตัวเองเป็นผู้ประกอบการมากกว่าเป็นพนักงานออฟฟิส โดยแบ่งตามเจเนเรชัน ดังนี้
-
Millennials มีสัดส่วนสูงที่สุด (56%)
-
Baby Boomers (44%)
-
Gen X (40%)
-
Gen Z (40%)
โดยมี 3 เหตุผลหลักที่ทำให้ผู้หญิงไทยอยากมีเจ้าของธุรกิจ ก็คือ
-
เห็นโอกาสในตลาดที่ยังไม่มีใครทำ (54%)
-
อยากทำตามความฝันของตนเอง (50%)
-
มองว่าตัวเองค่อนข้างพร้อมสำหรับการเป็นเจ้าของธุรกิจ (42%)
ข้อมูลในผลการศึกษาชิ้นนี้ ได้พูดถึง ‘การรักในความเสี่ยง’ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ติดตัวมาพร้อมกับความเป็นผู้ประกอบการของคนเหล่านั้น โดยผู้หญิงที่เป็นคนรุ่นใหม่มีความกล้าเสี่ยงในธุรกิจมากกว่ารุ่นก่อนหน้า
โดยพบว่า ผู้หญิง Gen Z มักจะมีความกล้าเสี่ยงมากกว่า มีเพียง 27% ของคน Gen Z ที่กลัวความล้มเหลวเมื่อเริ่มต้นทำธุรกิจ ในขณะที่ Gen X มีความกลัวถึง 41% และ Baby Boomer มีความกลัวมากที่สุดถึง 54%
อีกทั้งยังมีข้อมูลว่า ผู้หญิงไทยมีทัศนคติ ‘เชิงบวก’ มากกว่าผู้ชาย เมื่อคำนึงถึงอนาคตของธุรกิจที่ทำอยู่ โดยผู้ประกอบการหญิงกว่า 83% เชื่อว่าธุรกิจจะมีรายได้เติบโตขึ้นจากเดิมในอีก 5 ปีข้างหน้า ขณะที่ผู้ชายเชื่อแบบเดียวกันราว 78%
ขณะเดียวกัน ผู้หญิงก็มีแนวโน้มที่จะ ‘ขาดความมั่นใจ’ มากกว่าผู้ชายถึง 40% เทียบกับ 25% จากข้อมูลของฝั่งผู้ชาย ซึ่งผู้หญิงกลุ่ม Gen Z ประมาณ 40% เผชิญกับปัญหานี้มากกว่า Millennials อยู่ที่ 28%
ส่วนอุตสาหกรรมยอดนิยมที่ผู้หญิงไทยอยากเริ่มต้นธุรกิจ มีอยู่ 3 ประเภท ก็คือ
-
อาหารและเครื่องดื่ม (31%)
-
ขายของออนไลน์ (28%)
-
ค้าส่ง ค้าปลีก และแฟรนไชส์ (25%)
[ ภาระเรื่องครอบครัว เป็นอุปสรรคหนึ่งของผู้หญิงที่อยากทำธุรกิจ ]
เรื่องเกี่ยวกับครอบครัวค่อนข้างอ่อนไหวสำหรับผู้หญิง โดยภาระด้านนี้กลายเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคสำคัญ ผลสำรวจพบว่า ผู้ประกอบการหญิงต้องแบกรับความรับผิดชอบในการดูแลลูกและญาติผู้ใหญ่มากกว่าผู้ชายถึงสองเท่า (31% เทียบกับ 14%)
นอกจากหน้าที่ในบ้านแล้ว ผู้ประกอบการหญิงยังต้องเจอกับอุปสรรคอื่นๆ เช่น ปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุน (46%), ความไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นวางแผนธุรกิจอย่างไร (38%) และการขาดเครือข่ายผู้ประกอบการและที่ปรึกษา (31%)
ความน่าสนใจอีกอย่างในรายงานนี้ก็คือ ผู้หญิงไทย 59% ทำงานหรือทำธุรกิจเสริมเพื่อหารายได้พิเศษ ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก อยู่ที่ 41% สะท้อนให้เห็นว่า ผู้หญิงสามารถปรับตัวและแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ได้ดี ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่ดีของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการหญิงมีความทะเยอทะยาน และค่อนข้างเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี มากกว่าผู้ชายใน ‘บางเรื่อง’ โดย 73% ของผู้หญิงที่เป็นเจ้าของธุรกิจใช้ AI ในการดำเนินงานเป็นประจำ เทียบกับผู้ชายที่มีเพียง 43%
ขณะที่ 85% ของผู้หญิงที่ทำธุรกิจยังมองว่า AI มีส่วนช่วยประหยัดเวลาและต้นทุนอย่างมาก ซึ่งมีแนวโน้มที่ดีเรื่องการปรับตัวเข้าหาเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้มากกว่าผู้ชาย
‘วินนี่ วอง’ ผู้จัดการประจำประเทศไทยและเมียนมา มาสเตอร์การ์ด กล่าวว่า “ผู้หญิงไทยมีจิตวิญญาณและความมุ่งมั่นในการเป็นผู้ประกอบการที่โดดเด่น และเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจและนวัตกรรมของประเทศ”
“อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงจำนวนมากยังต้องเผชิญกับอุปสรรคที่อาจทำให้พวกเธอสูญเสียโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ ขาดการสนับสนุนที่เพียงพอ ซึ่งผลการศึกษาชิ้นล่าสุดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นของการมีระบบสนับสนุนผู้ประกอบการที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้ง่าย รวมถึงการสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กในประเทศไทย ด้วยโซลูชัน เครื่องมือ เพื่อให้ธุรกิจไทยสามารถเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน”










