
กรณีเมื่อเวลา 21.00 น.คืนวันที่ 3 พ.ค. บนถนนถนนสายเกาะเพชร – อ่าวปอ หมู่ 8 ต.บ้านราม อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช รถยนต์ ฮอนด้า แจ๊ส สีม่วง พุ่งชนรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า ทะเบียน 1กท – 4541 นครศรีธรรมราช ที่ขี่ซ้อนกันมา 5 คน ทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 4 คน ประกอบด้วย นายไชย ไชยพูล อายุ 44 ปี ด.ญ.อภิญชญา ทองรอด อายุ 11 ขวบ ด.ช.ธีระพงศ์ ไชยพูล อายุ 5 ขวบ และ ด.ช.กิตติศักดิ์ ไชยพูล อายุ 3 ขวบ นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บสาหัสอีก 1 ราย คือ นางสาวขวัญวิภา ดิษฐปาน อายุ 28 ปี อาการสาหัสถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราชและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนคู่กรณีทราบว่าเป็นตำรวจสังกัด สภ.บางนบ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวน สภ.หัวไทร นั้น

หลังที่มีพิธีศพ ที่เมรุฌาปนกิจศพท่าลิพงหมู่ 6 ต.การะเกด อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ตั้งแต่เย็นของวันที่ 9 พ.ค. วันนี้ (18 พ.ค.) พ.ต.ท.ชัยวุฒิ ศรีวิเลิศ สว.(สอบสวน) สภ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ได้นัดคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาพบที่ สภ.หัวไทร เพื่อเจรจาชดใช้ค่าเสียหาย โดยทางฝ่ายญาติ ๆ ผู้เสียชีวิตกว่า 10 คน เดินทางมาที่โรงพัก พร้อมมอบอำนาจให้นายสุเทพ มานพ ซึ่งเป็นญาติเป็นผู้เจรจา โดยมีนายธนาชย เกตุโรจน์ ประธานชมรมทายความเมืองคอนเพื่อประชาชน ร่วมเป็นตัวแทนและสักขีพยาน
ขณะที่ฝ่าย ด.ต.ชำนาญ บุญราศี อายุ 43 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางนบ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นคนขับรถยนต์ฮอนด้า พร้อมพี่สาว และทนายความ เดินทางมายังโรงพักเช่นกัน โดย ด.ต.ชำนาญ อยู่ในอาการเครียด เบื้องต้นทางฝ่ายผู้เสียหายได้เสนอขอค่าชดเชย 6 แสนบาทต่อคน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 3 ล้านบาท แต่ทาง ด.ต.ชำนาญ ได้ขอต่อรองลดเหลือคนละ 4 แสนบาท เป็นเงิน 2 ล้านบาท และขอเวลา 2 เดือน เพื่อวิ่งเต้นหาเงินมาชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าว

นายสุเทพ ญาติผู้ตาย กล่าวว่า หลังจากที่ ด.ต.ชำนาญ ขอต่อรองชดใช้ค่าเสียหายเหลือ 2 ล้าน ตนพร้อมด้วยทนายความ และญาติ ๆ ได้ออกมาปรึกษาหารือและมีมติตรงกันว่ายินยอมลดให้เหลือ 2.2 ล้านบาท ก่อนกลับเข้าสู่การเจรจารอบที่ 2 ปรากฏว่าทาง ด.ต.ชำนาญ ยินยอม โดยมีเงื่อนระยะเวลาในการชดใช้ 2 เดือน
เมื่อทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ข้อยุติแล้ว ทาง พ.ต.ท.ชัยวุฒิ ศรีวิเลิศ ได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งตนและญาติ ๆ รู้สึกเห็นใจ ด.ต.ชำนาญ เช่นกัน เพราะเชื่อว่าเขาเองก็ไม่อยากให้เหตุการณ์ร้ายในครั้งนี้เกิดขึ้นเช่นกัน แต่เมื่อมันเกิดขึ้นและมีคนเสียชีวิต 5 คน ทาง ด.ต.ชำนาญ ก็ต้องยอมรับในความผิด และยินยอมชดใช้ 2.2 ล้านบาท ภายในกำหนดระยะเวลา 2 เดือนดังกล่าว
“แต่หากครบกำหนด 2 เดือน ด.ต.ชำนาญ ไม่ยอมจ่ายด้วยเหตุผลใดก็ตามทาง ตนในฐานะผู้รับมอบอำนาจฝ่ายผู้เสียหายก็จะนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป โดยขณะนี้ทางทนายได้เดินทางไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พร้อมสอบสวนประจักษ์พยานที่เกี่ยวข้องไว้เป็นการเบื้องต้นแล้ว ซึ่งเชื่อว่าพยานหลักฐานที่มีอยู่ทั้งหมด ด.ต.ชำนาญ ดิ้นไม่หลุดอย่างแน่นอน ”

ด้าน พ.ต.ท.ชัยวุฒิ ศรีวิเลิศ พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวว่า คดีนี้ทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหากับ ด.ต.ชำนาญ คนขับรถเก๋งคู่กรณีไว้แล้ว 4 ข้อหา ประกอบด้วยขับรถด้วยความประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ขับรถในขณะมึนเมา ขับรถชนผู้อื่นแล้วหลบหนีและข้อหาติดป้ายทะเบียนรถยนต์ไม่ตรงกับทะเบียนจริงที่ออกให้โดยสำนักงานขนส่งฯ
สำหรับการช่วยเหลือในเบื้องต้นระหว่างการบำเพ็ญกุศลศพนั้นทาง ด.ต.ชำนาญ ได้ช่วยเหลือเป็นข้าวสาร 2 กระสอบ หมู 1 ตัว มูลค่า 12,400 บาท พร้อมเงินสดช่วยเหลือในการจัดงานบำเพ็ญกุศลศพอีก 30,000 บาท ส่วนในการเจรจาตกลงของคู่กรณีชดใช้ค่าเสียหาย 2.2 ล้านบาทนั้นจะนัดกันอีกครั้งในวันที่ 19 ก.ค.62









