หลังโควิด-19 โลกการทำงานเกิดศัพท์ใหม่ต่างๆ มากมาย เพื่ออธิบายปรากฎการณ์ในโลกการทำงานที่มีผลกระทบต่อผู้คน ตั้งแต่การลาออกครั้งใหญ่หรือ The Great Resignation การลาออกอย่างเงียบๆ หรือ Quiet Quitting การเลิกจ้างจำนวนมหาศาลอย่าง The Great Layoff
รวมถึงศัพท์แทนปรากฎการณ์ที่เรากำลังจะพูดถึงในวันนี้อย่าง ‘Career Cushioning’ หรือการหางานสำรอง ที่กำลังกลายเป็นเทรนด์การทำงานของคนเจนซี (Gen Z) ภายใต้เงื่อนไขทางเศรษฐกิจและสังคมโลกที่ดูจะถดถอยลงเรื่อยๆ
TODAY Bizview จะชวนทุกคนไปรู้จักความหมายของ ‘Career Cushioning’ หรือเทรนด์การหางานสำรอง เพื่อเป็นเบาะรองหลังในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนเช่นนี้
[ เศรษฐกิจถดถอย งานไร้ความมั่นคง ทุกคนต้องมีแพลน B ]
จริงๆ แล้วคำว่า ‘Career Cushioning’ มาจากการผสมกันระหว่างคำว่า Career ที่แปลว่า อาชีพ กับคำว่า Cushioning ที่แปลตรงตัวว่า กันกระแทก แต่เป็นศัพท์แสลงหมายถึง ‘การคุยเผื่อเลือก’ รวมกันออกมาแล้วหมายความถึง การหางานเผื่อเลือก หรือ การหากันกระแทก
คำอธิบายง่ายๆ ของ ‘Career Cushioning’ จึงเป็นการสร้างทางเลือกและทางรอดให้กับตัวเอง เหมือนกับการคุยเผื่อเลือก สร้างเบาะกันกระแทกให้หน้าที่การงาน ในวันที่สถานการณ์เศรษฐกิจโลกขาดความแน่นอน
แม้ว่าการหางานสำรองจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เพราะช่วงระหว่างและหลังโควิด-19 ทำให้หน้าที่การงานของใครหลายคนที่เคยมั่นคง ไม่มั่นคงอีกต่อไป กลายเป็นเอาแน่เอานอนไม่ได้ แรงสั่นสะเทือนจากการปลดคนลดงานในบริษัทระดับโลก ทำให้คนทำงานทั่วโลกรู้สึกขาดความมั่นคงและปลอดภัยตลอดระยะเวลา 1-2 ปี
ยังไม่นับรวมกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทำให้มนุษย์หวาดระแวงการถูกแทนที่ การหางานสำรองอย่าง ‘Career Cushioning’ จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญและกลายเป็น ‘เทรนด์’ ไปโดยปริยาย
[ แล้วเขาหา ‘งานสำรอง’ มาช่วยกันกระแทกยังไง ]
เทรนด์การหางานสำรองของ ‘Career Cushioning’ คือ การเตรียมตัวเพื่อยกระดับความสามารถของตัวเอง
ไม่ว่าจะเป็นหาทางลับคมความสามารถที่เราเก่งอยู่แล้วให้แข็งแรงขึ้น อัปสกิลใหม่ๆ เพื่อให้เราเป็นผู้เล่นที่น่าจับตาในสมรภูมิเดียวกัน รวมถึงลองมองหางานอื่นๆ ในองค์กรที่มีความมั่นคงทางการเงิน หรือเป็นองค์กรที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำหลากหลายวิธีการที่เราจะช่วยหากันกระแทกให้กับหน้าที่การงานของเรา หลักๆ มี 3 ข้อ
- พัฒนาทักษะ อัปสกิลกว้างและลึก
วิธีที่ง่ายที่สุด คือ ลองพัฒนาทักษะที่มีด้วยการขยายความสามารถดังกล่าวด้วยความ ‘กว้าง’ และ ‘ลึก’ ขึ้น ยกตัวอย่างเช่น
หากทำอาชีพ Product Manager ลองอัปสกิลเรื่องของ UX/UI ให้แหลมคมขึ้น เพราะทักษะนี้จะช่วยต่อยอดให้เราโดดเด่นกว่าคนอื่นๆ ที่ทำอาชีพเดียวกัน
หากทำอาชีพ Content Creator ลองขยายทักษะออกไปด้วยการเรียนรู้เรื่องของ Creative หรือ Copywriter นอกจากงานเขียนบทความขนาดยาวที่ทำได้ดีอยู่แล้ว อาจกระโดดไปเล่นในสนามอื่นๆ ซึ่งก็ยังใช้ทักษะการเขียนที่มีในพื้นที่อื่นๆ ได้เหมือนกัน
- รักษาคอนเนคชัน เก่งงานแล้วยังเก่งคนด้วย
นอกจากการลับคมทักษะแล้ว ‘เครือข่าย’ (Connection) หรือความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ในวงการก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน เพราะหากวันใดที่กำลังตกที่นั่งลำบาก การยังมีความสัมพันธ์อันดีจะช่วยให้หางานใหม่ได้ราบรื่นยิ่งขึ้น
คำแนะนำปากต่อปากถึงความสามารถของเราจากเพื่อนๆ ในแวดวง จะช่วยการันตีความสามารถของเราได้อีกชั้นหนึ่งว่า นอกจากจะ ‘เก่งงาน’ แล้ว เรายัง ‘เก่งคน’ อีกด้วย
- รอบคอบทางการเงิน สำรองฉุกเฉินจะต้องมี
ที่สำคัญ เราต้องอย่าลืมเรื่องความรอบคอบทางการเงินที่หมายถึง ‘เงินสำรองฉุกเฉิน’ อย่างน้อย 6 เดือน รวมถึงการเก็บเงินให้ได้อย่างน้อย 10% ของรายรับ และอย่ามีหนี้สินเกิน 20% ของเงิน หากต้องเจอกับสภาวะว่างงานจริงๆ การวางแผนทางการเงินเหล่านี้จะช่วยให้เรารอดจากวันแย่ๆ ไปได้
ต่อให้เราเรียกการเตรียมตัวแบบ ‘Career Cushioning’ ว่าเป็นการหางานสำรองกันกระแทกจากการสูญเสียงานหลัก แต่แม้จะมีหน้าที่การงานมั่นคงก็ยังสามารถเริ่มต้นทำตามคำแนะนำทั้ง 3 ข้อได้ เพื่อเป็นแผนสำรองและแผนการเตรียมพร้อมทุกเมื่อ เพราะไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น เราเองก็เช่นกัน
ที่มา entrepreneur / forbes / businessinsider










