ข่าวที่สั่นสะเทือนโลกธุรกิจและการเงินไทยในตอนนี้ หนีไม่พ้นการที่ SCB เข้าซื้อกิจการของ Bitkub ด้วยมูลค่า 17,850 ล้านบาท ถือหุ้น 51% และ Bitkub กลายเป็นยูนิคอร์นเต็มตัว
แต่นอกเหนือจากเรื่องมูลค่าการลงทุน การขึ้นแท่นเป็นยูนิคอร์น เบื้องหลังและบริบทของข่าวนี้มี 2 เรื่องที่น่าสนใจ
1) เรื่องแรกคือเรื่องที่พื้นฐานที่สุด เวลาเราพูดถึงคริปโทฯ เราหมายถึงระบบที่เรียกกันว่า Decentralized finance หรือ Defi ซึ่งหมายถึงการกระจายอำนาจทางการเงิน ระบบการเงินไร้ตัวกลาง
ธุรกิจฟินเทค (FinTech) ในหลายประเทศทั่วโลกเกิดขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนแปลงระบบการเงินแบบเดิมๆ โค่นล้มวิธีการเก่าๆ ทำเอาธนาคาร สถาบันทางการเงิน และผู้มีอำนาจในหลายประเทศหวั่นผวา ต้องหาทางรับมือกับโลกใหม่ที่เกิดขึ้น
ในไทย ช่วง 2-3 ปีมานี้ เราเห็น Bitkub สตาร์ทอัพฟินเทคไทยที่มาแรง เราเห็นหน้าของ “ท็อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา” ผู้ก่อตั้ง Bitkub ตามสื่อสาธารณะ ทั้งทางด่วน รถไฟฟ้า และทีวีกันจนคุ้นชิน หลายคนบอกว่าเขาคือผู้มา disrupt วงการการเงินไทย
แต่ตอนนี้ Bitkub กำลังจะขึ้นสู่ยานแม่ของ SCB ไปแล้ว
กรณีนี้อาจฟังดูน่าแปลกใจสำหรับใครหลายคน เมื่อเห็นดีล SCB เข้าซื้อกิจการ Bitkub หลายคนอาจตั้งคำถามว่า ทำไมสตาร์ทอัพฟินเทคที่จะเข้ามา disrupt แวดวงการเงิน แต่สุดท้ายกลับกระโดดขึ้นยานแม่ของธนาคารยักษ์ใหญ่ไปเสียแล้ว
ตรงนี้ต้องบอกว่า ในโลกธุรกิจ มีคำพูดทำนองว่า “ถ้าเรากำลังสู้กับยักษ์ มันมีทางเลือกอยู่สองทาง หนึ่งคือฝืนสู้ต่อไป สองคือถ้าเป็นไปได้ ก็ให้ไปเป็นพวกเดียวกันกับยักษ์”
กรณีนี้ชัดเจน
2) เรื่องต่อมาคือการปรับตัวไว
ถ้าย้อนไปก่อนหน้านี้ ช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา SCB ประกาศตั้งยานแม่ชื่อ SCBX
หนึ่งในความมุ่งมั่นของยานแม่คือการบุกตลาด “เทคโนโลยีการเงิน” ในระดับภูมิภาค สร้างธุรกิจการเงินและแพลตฟอร์ม พร้อมก้าวสู่โลกใหม่
หนึ่งในคำพูดที่อาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ถึงเหตุผลของการตั้งยานแม่ว่า “เพื่อปลดล็อกข้อจำกัดของการเป็นธนาคาร”
หลังจากตั้งยานแม่ เราเห็น SCB หรือ SCBX เดินหน้าบุกตลาดเทคโนโลยีการเงิน มีตั้งแต่
– ตั้งกองทุน Venture Capital ร่วมกับเครือ CP ลงทุนในบล็อกเชน
– ร่วมมือกับ AIS ตั้ง AISCB ทำเรื่องสินเชื่อดิจิทัล
– ร่วมทุนกับ workpoint ตั้ง TPOP ลุยธุรกิจพัฒนาศิลปินและพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์
และอีกมากมาย รวมถึงล่าสุดที่สั่นสะเทือนแวดวงการเงินคือซื้อกิจการของ Bitkub
นี่คือการปลดล็อคข้อจำกัดของธนาคาร
นี่คือการปรับตัวของยักษ์ใหญ่ ที่เดินเกมไว-เดิมเกมเร็ว
จริงๆ ถ้าพูดเรื่องการปรับตัวในยุคนี้ ไม่ได้มีแค่ไทย ถ้าไปดูข่าวในต่างประเทศ
หนึ่งในเรื่องที่ตื่นตาตื่นใจที่สุดในปีนี้ คือการประกาศทิศทางใหม่ของ Facebook ที่ไม่ใช่แค่เปลี่ยนชื่อเป็น Meta แต่ Mark Zuckerberg ประกาศทิศทางใหม่ของบริษัท เปลี่ยนผ่านจากโซเชียลมีเดีย สู่บริษัท Metaverse
ขนาด Facebook หนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยังกล้าวางทิศทางใหม่ให้กับบริษัท
สำหรับไทย ธนาคารยักษ์ใหญ่อย่าง SCB ก็กล้าที่จะปรับตัวอย่างรวดเร็ว ตั้งยานแม่ บุกไปสู่โลกใหม่
นี่คือสิ่งที่ยักษ์ใหญ่เขาคิด เขาทำกัน
ดูๆ แล้ว กรณีศึกษาในโลกธุรกิจครั้งนี้ เราอาจถอดบทเรียน แล้วปรับเอามาใช้กับชีวิตของเราได้ด้วยเหมือนกัน










