กทม. จัด ‘บางกอกวิทยา’ เทศกาลเดือนสิงหาคมนี้เปลี่ยนกรุงเทพฯ ให้เป็นห้องเรียนวิทยาศาสตร์ขนาดใหญ่
หลังจาก ที่ผ่านมา 2 เดือน กทม. จัดเทศกาลดนตรีในสวน และหนังกลางแปลง ไปแล้ว ตามนโยบาย 2 เทศกาลตลอดปีทั่วกรุงเทพฯ
ล่าสุดนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวกิจกรรมประจำเดือน ส.ค. 2565 โดยระบุว่า สำหรับ 12 เทศกาลตลอดปีทั่วกรุงเทพฯ ที่ผ่านมา 2 เดือน เราทำเรื่องศิลปะเยอะ คือ ดนตรีในสวน และหนังกลางแปลง แต่วิสัยทัศน์เราคือเป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน ซึ่งยังมีคนอีกหลายกลุ่มที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานศิลปะโดยตรง อีกทั้งยังเล็งเห็นว่างานวิทยาศาสตร์ก็มีความสนุกได้ไม่แพ้งานศิลปะ ท่านรองผู้ว่าฯ ศานนท์ จึงได้คิดโจทย์ออกมาเป็น ‘บางกอกวิทยา’ ซึ่งเหมือนกับชื่อโรงเรียน เปรียบเสมือนห้องเรียนขนาดใหญ่
“กรุงเทพฯ ก็เหมือนกับห้องเรียนขนาดใหญ่ เราแปลงห้องเรียนวิทยาศาสตร์จากภายในห้องเรียนมาอยู่ทั้งกรุงเทพฯ จะมีการจัดงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ โดยให้ทั้งความรู้ ความสนุก และความบันเทิง ระยะเริ่มต้นนี้ เรามีภาคีเครือข่าย 4 ราย ได้แก่ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) บริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด (Techsauce) และสมาคมไทยสตาร์ทอัพ นอกจากนี้ เรายังเปิดรับหน่วยงานที่ต้องการเข้าร่วมเป็นเครือข่ายเพิ่มเติมด้วย” นายชัชชาติ กล่าว
นายชัชชาติ กล่าวว่า อีกสิ่งที่น่าสนใจ คือ Maker Space ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับงานเกี่ยวกับนวัตกรรม (innovation) เป็นเหมือนห้องปฏิบัติการที่คนสามารถมาสร้างหรือประดิษฐ์สิ่งของได้ เช่น มีโรงไม้ เลื่อย เครื่องพิมพ์ 3 มิติ (3D Printer) ที่สามารถพิมพ์ขึ้นรูปผลิตภัณฑ์ออกมาได้ มีอุปกรณ์ตัด เป็นต้น ในต่างประเทศที่มีศูนย์นวัตกรรมจะต้องมี Maker Space เพื่อให้คนสามารถนำไอเดียมาผลิตเป็นสิ่งของได้ เอกชนของเมืองไทยก็มีอยู่ ในอนาคต กทม.อาจจะสร้าง Maker Space เพื่อให้เด็ก เยาวชน ประชาชน สามารถมาผลิตสิ่งของได้ เพราะคนทั่วไปไม่สามารถซื้อ 3D Printer ได้ แต่จะสามารถมาแชร์อุปกรณ์ส่วนกลางได้ เป็นการเปิดเวทีให้คนสามารถนำไอเดียมาพัฒนาเป็นสิ่งของที่จับต้องได้ ซึ่งเป็นแนวคิดที่จุดประกายความฝันที่กทม.ตั้งใจจะทำให้เกิดขึ้นต่อไป
นายชัชชาติ ยังกล่าวอีกว่า สิ่งที่สำคัญอีกอย่างคือ กทม.ไม่ได้เก่งวิทยาศาสตร์ แต่กทม.มีพันธมิตรที่เก่ง การจะทำงาน ‘บางกอกวิทยา’ จึงต้องหาแนวร่วม เรามีสถานที่ เราเก่งเรื่องกฎระเบียบ เพราะฉะนั้น เราต้องหาคนที่เก่ง หาพันธมิตรที่สามารถให้เนื้อหาที่ตอบโจทย์ประชาชนได้ และระยะต่อไปเราจะต้องพัฒนาข้อมูลพิพิธภัณฑ์เด็กให้มีความอัปเดต และหาพันธมิตรเก่งๆ เข้ามาช่วย
สำหรับกิจกรรม ‘บางกอกวิทยา’ ที่จะจัดขึ้นในเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อเปลี่ยนกรุงเทพให้เป็นห้องเรียนวิทยาศาสตร์ขนาดใหญ่ สร้างกิจกรรมที่คนกรุงเทพฯ และนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัดหรือต่างประเทศสามารถเข้าร่วม เป็นการกระตุ้นยอดขายจากงานเทศกาล เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ ซึ่ง ‘บางกอกวิทยา’ มุ่งเน้นเปิดพื้นที่เรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ให้เป็นเรื่องสนุกใกล้ตัวแก่ประชาชน โดยเฉพาะเยาวชน










