
ครูสาวโรงเรียนวัดวงเดือน อ.หันคา จ.ชัยนาท ถูกปาเลือดข่มขู่ถึงห้องเรียน คาดปมเคยแฉเรื่องอาหารกลางวันไม่ได้คุณภาพ ด้าน รร.แจงผัดบะหมี่เปล่า แค่สุดวิสัยวันสารทจีนหาของสดไม่ได้ ล่าสุด นร.เผยเคยขออาหารข้าวมันไก่ ตามเมนูที่มี แต่ ผอ.บอกให้ไปซื้อกินเอง
จากกรณีที่ครูสาวคนหนึ่งของโรงเรียนวัดวงเดือน ในพื้นที่ ต.สามง่ามท่าโบสถ์ อ.หันคา จ.ชัยนาท ร้องเรียนว่า ห้องเรียนที่ครูคนนี้เป็นครูประจำชั้นอยู่ ถูกมือดีปาด้วยก้อนเลือดสดๆ ใส่ จนเลือดไหลนองพื้นเป็นที่น่าสยดสยอง เมื่อช่วงเช้าวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งยืนยันว่าตนไม่เคยมีศัตรูที่ไหน ไม่เคยทะเลาะกับใครมาก่อน แต่สาเหตุ คากว่ามาจากที่ตนเองท้วงติงและตรวจสอบเรื่องอาหารกลางวันของนักเรียน ที่พบว่าไม่มีคุณภาพหรือโภชนาการตามที่เด็กควรจะได้รับ และไม่คุ้มค่ากับงบประมาณที่ใช้ไป ซึ่งอาจจะสร้างความไม่พอใจให้กับคนที่เสียประโยชน์จากเรื่องนี้ ซึ่งคุณครูบอกว่าอยากให้ผู้บังคับบัญชาเข้ามาตรวจสอบ พร้อมให้ความปลอดภัยกับตนเองด้วยนั้น

ต่อมาสำนักงานพื้นที่ประถมศึกษาจังหวัดชัยนาท ได้ตั้งทีมลงสอบสวนข้อเท็จจริงที่โรงเรียนที่เกิดเหตุ และรวบรวมเรื่องอาหารกลางวันของเด็ก ๆ ด้วย แม้ว่า นางอารี ทัพรังสี รักษาราชการแทน ผอ.โรงเรียนวัดวงเดือน ได้ชี้แจงว่าภาพดังกล่าวเป็นอาหารกลางวัน เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันสารทจีน ทำให้แม่ครัวหาซื้อของสดไม่ได้ จึงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการผัดบะหมี่ให้เด็กๆกินไปก่อน
ซึ่งปัจจุบันโรงเรียนวัดวงเดือนมีนักเรียนทั้งสิ้น 104 คน ได้รับงบประมาณค่าอาหารกลางวันหัวละ 20บาทต่อวัน หรือ 2,080 บาทต่อวัน และได้นำเงินจำนวนนี้ไปจ้างเหมาแม่ครัวให้มาประกอบอาหาร โดยยืนยันว่าที่ผ่านมา ก็ไม่เคยตรวจพบว่ามีปัญหาอะไร เพราะยึดตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงกำหนดทุกอย่าง

ล่าสุด วันนี้ (22 ส.ค.62) ผู้สื่อข่าวของเรามีโอกาสได้พูดคุยกับ นักเรียนของโรงเรียนวัดวงเดือน ซึ่งได้ข้อมูลว่า น้องๆ กำลังเบื่อเมนูอาหารที่ทำซ้ำๆ อย่างมาก คือ ก๋วยเตี๋ยว และต้มจืดฟัก โดยน้องๆ บางคนที่บอกว่า บางวันที่ทำ 2 เมนูนี้ เด็กๆยอมอดข้าวเลย เพราะเบื่อมาก ที่ต้องกินซ้ำๆ เดือนละเป็น10ครั้ง ส่วนเมนูที่เด็กๆ อยากกิน และมีอยู่ในรายการแนะนำในโรงอาหารของโรงเรียน แต่เด็กๆ กลับไม่มีโอกาสได้กิน ก็คือ ข้าวมันไก่ กับข้าวหมูแดง
ขณะที่ นักเรียนคนหนึ่งบอกว่า เคยขอกับ ผอ.โดยตรงว่าอยากกินข้าวมันไก่ แต่ก็ได้รับคำตอบที่สุดช้ำใจนั่นก็คือ “อยากกินก็ไปซื้อกินเอง” ซึ่งเด็กๆ เองก็รู้ว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้น เพราะปกติจะต้องมีผลไม้สลับกับขนมหวาน แต่ปัจจุบันก็ไม่ค่อยมีให้รับประทาน จึงอยากวอนไปยังผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องลงมารับฟังปัญหาจากเด็กๆบ้าง









