เลื่อนฟังคำสั่งฟ้อง คดีชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมัน เป็นวันที่ 13 พ.ค. 64 หลังอัยการพิจารณาสำนวนไม่แล้วเสร็จ
วันที่ 25 มี.ค. 2564 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด กรุงเทพใต้ แกนนำและกลุ่มแนวร่วมคณะราษฎร ซึ่งถูกตั้งข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และมาตรา 116 จากการชุมนุมเมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2564 ที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนี ทั้ง 13 คน ประกอบด้วย 1.น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ 2.นายกรกช แสงเย็นพันธ์ 3.นายชนินทร์ วงษ์ศรี 4.น.ส.เบญจา อะปัญ 5.นายวัชรากร ไชยแก้ว 6.นายณวรรษ เลี้ยงวัฒนา 7.นายอรรถพล บัวพัฒน์ 8.นายอัครพล ตีบไธสง 9.นายกฤษพล ศิริกิตติกุล 10.น.ส.สุธินี จ่างพิพัฒน์นวกิจ 11.น.ส.รวิสรา เอกสกุล 12.น.ส.ณัชชิมา อารยะตระกูลลิขิต และ 13.นายชลธิศ โชติสวัสดิ์ เดินทางมารายงานตัวตามที่อัยการนัดฟังคำสั่งคดี โดยล่าสุด มีการเลื่อนฟังคำสั่งฟ้องใหม่เป็นวันที่ 13 พ.ค. 2564
ด้านนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า มีการเลื่อนการรับฟังคำสั่งฟ้องออกไป เนื่องจากอัยการยังพิจารณาสำนวนไม่แล้วเสร็จ อย่างไรก็ตาม ผู้ถูกดำเนินคดีทั้ง 13 คนต้องเข้ารายงานตัวต่อหน้าอัยการในวันที่ 25 มี.ค. 2564 ซึ่งตลอดการเข้ารายงานตัวนั้น มีประชาชนที่สนับสนุนมาให้กำลังใจ รวมถึงตัวแทนจากสถานเอกอัครราชทูตหลายประเทศ ก็เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย
น.ส.ภัสราวลี ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้ารายงานตัวว่า ส่วนตัวเตรียมพร้อมและเข้มแข็งจากการชุมนุมเมื่อวานนี้ (24 มี.ค.64) เติมกำลังใจตัวเองได้อย่างดี สู้ต่อไม่ถอย พ่อกับแม่ก็ให้กำลังใจ ทั้งนี้ ทุกคนในคดีมากันครบ เพราะทุกคนมาด้วยความบริสุทธิ์ใจ มั่นใจในสิ่งที่ทำ กล้าหาญ กำลังใจดี เข้มแข็ง พี่น้องประชาชนก็ส่งพลังให้ตนและทุกคน อย่างไรก็ตาม หากมีการส่งฟ้องแล้วศาลจะให้ประกันตัวหรือไม่นั้น ถ้าให้ประกันตัว ประชาชนก็จะมองกระบวนการยุติธรรมอย่างมั่นใจ ทุกคนโดนข้อหาเดียวกันทั้ง 13 คน หลายคนเป็นนักศึกษา และส่วนตัวก็ยังมีสอบ เชื่อว่าพลังของประชาชนที่ออกมาเป็นส่วนสำคัญ
ขณะที่ น.ส.เบนจา กล่าวว่า หากไม่ได้รับการประกันตัว จะให้มวลชนเดินหน้าต่อสู้กันต่อไป ตนก็จะสู้ต่อไป เพียงแค่เปลี่ยนสถานที่ สำหรับการชุมนุมเมื่อคืนที่ผ่านมานั้น พยายามจัดการชุมนุมให้มีความปลอดภัยกับผู้ชุมนุมให้มากที่สุด และให้มวลชนได้มีส่วนร่วมกับการทำกิจกรรม ส่วนภารกิจที่ติดค้างคือ เรื่องเรียนและการต่อสู้ ยังเป็นภารกิจสำคัญ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มองว่าควรที่จะมีการยกเลิกการส่งฟ้องไปเลย ซึ่งจะไม่เป็นการค้างคา










