จากกรณี คนดังไลฟ์ขายไอติมรถถังจนไลฟ์ปลิว ช่วงครบรอบเหตุการณ์เทียนอันเหมิน ทำให้เห็นว่า แม้แต่คนไลฟ์ขายของก็ไม่รอดสายตารัฐบาลจีน
ช่วงวันครบรอบเหตุการณ์เทียนอันเหมินที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) มีเรื่องน่าระทึกใจเกิดขึ้นเมื่อ หลี่ เจี้ยฉี่ ฉายาว่า ราชาลิปสติก สตรีมเมอร์ที่มีผู้ติดตาม 60 ล้านราย ไลฟ์ขายไอศกรีมรูปรถถังบน Taobao
ระหว่างขายอยู่ ไลฟ์ของเขาก็หายไป พร้อมระบุเหตุผลทีหลังว่าขัดข้องทางเทคนิค ทำให้ชาวเน็ตสงสัยไปต่างๆ นานาว่า ที่ไลฟ์ปลิวเพราะเนื้อหาเรื่องรถถังไปขัดต่ออุดมการณ์ผู้นำจีนหรือไม่
ชาวเน็ตยังติดตามใกล้ชิดด้วยว่า สถานการณ์ของ หลี่ เป็นอย่างไร แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีรายงานว่าเขาถูกจับกุม และบัญชีโซเชียลของเขาก็ยังอยู่ เพียงแต่เขาไม่โพสต์อะไรเลยหลังจากวันที่เกิดปัญหา
รัฐบาลจีนช่วงนี้ เข้มงวดกับแพลตฟอร์มออนไลน์ บริษัทเทคมากขึ้น แต่เรื่องการเซนเซอร์เนื้อหานั้น รัฐบาลจีนทำมานานแล้ว
ที่น่าคิดคือ หลี่ ขึ้นมาเป็นคนดังวงการไลฟ์ขายของแทนที่ เวยย่า (Viya) คนเก่าที่มีปัญหากับรัฐบาลจีนเรื่องภาษี จนถูกแบนไปเลย
สะท้อนให้เห็นว่า จีนพยายามเข้มงวดกับวงการธุรกิจอย่างทั่วถึง ตั้งแต่ระดับการผูกขาดขององค์กร ไปจนถึงคนไลฟ์ขายของ
การไลฟ์ขายของในจีน เป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีมูลค่ากว่า 180,000 ล้านดอลลาร์ ดึงดูดผู้ชมชาวจีน 388 ล้านคนในปี 2020
นักไลฟ์ขายของ ก็เป็นเสมือนครีเอเตอร์ ที่รัฐบาลจีนเองก็ไม่ได้คัดค้านอะไรมาก แถมยังสนับสนุน ว่าเป็นผู้สร้างงานสร้างอาชีพด้วยซ้ำ
ในบรรดา Top 3 อินฟลูเอนเซอร์ของ Taobao คือ เว่ยย่า, Zhu Chenhui หรือที่รู้จักในชื่อ Cherie ต่างก็ถูกปรับเป็นเงินพันล้านดอลลาร์จากข้อหาเลี่ยงภาษี ทั้งสองไม่ได้ไลฟ์อีกเลยหลังจากนั้น ส่วน หลี่ ถือเป็นผู้รอดชีวิตจากการสอบสวนเรื่องภาษี แต่ก็มาสะดุดจากกรณีไอศกรีมรถถังนี้เอง
เรียกได้ว่า ดังแค่ไหน ก็ล้มได้ในชั่วข้ามคืน ถ้าทำตัวมีปัญหากับรัฐบาลขึ้นมา
สำหรับเหตุการณ์เทียนอันเหมิน คือเหตุการณ์นองเลือด จากการสลายการชุมนุมของนักศึกษาจีนในปี 1989 โดยคนทั่วโลกจะรู้จักเหตุการณ์นี้ผ่านรูปรูปคนยืนขวางกองทัพรถถัง หรือ tank man
คนจีนรุ่นใหม่ๆ อาจไม่รู้เรื่องเทียนอันเหมินมากนัก เพราะจีนพยายามลบล้างเหตุการณ์นี้ออกไป เนื่องจากมีประชาชนเสียชีวิตจำนวนมาก
ทำให้มีการวิเคราะห์ด้วยว่า หรือจริงๆ แล้ว นายหลี่ขายของด้วยความไม่รู้ เพราะเหตุการณ์เทียนอันเหมิน ก็ไม่ได้เป็นที่รับรู้ในจีนเท่าไรนัก โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เกิดทีหลัง
ที่มา : Technology Review, Workpoint TODAY
