จากปัญหาข้อขัดแย้งในด้านความเห็นทางการเมืองที่เกิดขึ้น ศาสตราจารย์ (กิตติคุณ) สุริชัย หวันแก้ว ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาสันติภาพและความขัดแย้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเห็นความสำคัญของการคลี่คลายปมเงื่อนของความแตกต่างขัดแย้งด้วยหลักความบริสุทธิ์ใจ และใช้ข้อมูลความรู้ในการแก้ปัญหา โดยอยู่บนพื้นฐานความรับผิดชอบต่อสังคม โดยตระหนักว่า ปัจจุบันสังคมไทยเผชิญกับสิ่งท้าทายรอบด้าน ดังนั้น จึงต้องการให้การทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัยมีส่วนช่วยในการตอบโจทย์ของสังคมและสาธารณะ โดยสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและหลักนิติธรรม ทั้งนี้ จากการประชุมเพื่อหาแนวทางดำเนินการเกี่ยวกับกิจกรรมการแสดงออกและการใช้สิทธิเสรีภาพของชาวจุฬาฯ ได้ข้อสรุปเชิงหลักการว่า
- การยอมรับความหลากหลายทางความคิดและการสร้างความเชื่อมั่น ไว้วางใจต่อกันเป็นเงื่อนไขสำคัญของการย่างก้าวสู่อนาคตของการอยู่ร่วมกัน
- ความขัดแย้งไม่ใช่ปัญหา แต่ประเด็นปัญหาคือ การทำให้ความแตกต่างขัดแย้งกลายเป็นความรุนแรง ดังนั้น การแก้ไขจึงไม่ควรอาศัยแต่เครื่องมืออำนาจและระเบียบบังคับแต่อย่างเดียว หากต้องใช้เครื่องมือที่สามารถเพิ่มพูนสมรรถภาพในการแก้ปัญหาร่วมกัน
- การตัดสินกันด้วยความชอบ-ไม่ชอบเพราะคิดเห็นต่างกัน และการสร้างความเกลียดชังต่อกัน สามารถเป็นปัจจัยทำให้เกิดความรุนแรง และนำสังคมไปสู่ทางตันได้ ดังนั้น ต้องคลี่คลายปมความเห็นต่างด้วยการขยายความรู้ความเข้าใจร่วมกัน การพิจารณาประเด็น เช่น ช่องว่างระหว่างรุ่นอายุและความแตกต่างในการให้คุณค่านั้น จำต้องใช้วิชาการรวมถึงสหวิชาการจึงจะสามารถคลี่คลายปมปัญหาได้

ในส่วนของแนวทางการดำเนินการอาจแบ่งออกเป็น 3 ระยะดังนี้
ระยะสั้น การสร้างความเชื่อมั่นไว้วางใจในการแลกเปลี่ยนเพื่ออนาคต ด้วยบรรยากาศเปิดกว้างในการรับฟังความคิดเห็น และหารือกันเกี่ยวกับกติกาและเสรีภาพในการแสดงออกในมหาวิทยาลัยจากภาคส่วนต่างๆ ทั้งคณาจารย์ นิสิต และนิสิตเก่า ในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น เวทีเสวนา การระดมความคิด ฯลฯ ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยจะให้การสนับสนุนพื้นที่และดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่ นอกจากนั้นยังสนับสนุนให้มีรายวิชาศึกษาทั่วไปใหม่ๆ เช่น วิชาที่เกี่ยวข้องกับสิทธิเสรีภาพและความรับผิดชอบในโลกยุคดิจิทัลด้วย
ระยะกลาง สนับสนุนโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมกำหนดควบคุมดูแลกันเอง และส่งเสริมการศึกษาวิจัยแบบสหสาขาวิชาหัวเรื่องใหม่ๆ เช่น เสรีภาพและความรับผิดชอบในโลกแห่งความเสี่ยงพลังหนุ่มสาว (youthquake) เพื่อการเปลี่ยนแปลงอนาคต ช่องว่างระหว่างรุ่นอายุ(generation gaps) กับพลังสังคมยุคดิจิทัล แล้วนำผลจากการวิจัยมาบูรณาการในการเรียนการสอนและกิจกรรมไปด้วย
สำหรับในระยะยาว อนาคตประเทศชาติย่อมขึ้นอยู่กับการเรียนรู้ทางสังคม ในท่ามกลางการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำโดยไม่ใช้ความรุนแรง จุฬาฯ จึงเห็นความสำคัญในการขับเคลื่อนหาทางออกสังคม โดยร่วมสร้างความรู้ที่เหมาะสม และสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง และเพิ่มสมรรถนะในการทำความเข้าใจความคิดที่หลากหลาย

ศาสตราจารย์ (กิตติคุณ) สุริชัย หวันแก้ว
จุทั้งนี้ ศาสตราจารย์ (กิตติคุณ) สุริชัย หวันแก้ว ซึ่งเคยทำหน้าที่ในคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติเพื่อแก้ปัญหาเหตุการณ์ไม่สงบในภาคใต้ และเป็นผู้เชี่ยวชาญประเด็นด้านสังคม เช่น การพัฒนา คนชายขอบ และโลกาภิวัตน์ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ดังปรากฏในกรณีโรคระบาดโควิด-19 นี้ จุฬาฯ จะเร่งดำเนินการต่างๆ เพื่อมุ่งสู่การสร้างพื้นที่ในการร่วมสร้างความรู้และเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการเรียนรู้ทางสังคม เพื่อการตอบโจทย์ร่วมกัน










