
จากกรณีที่ ตำรวจภูธรภาค 3 บุกเข้าจับกุมนายภูมิภากร ถินสุวรรณ์ หรือนายนัน กิ่งเพชร อายุ 42 ปี ผู้ต้องหากรรโชกทรัพย์ ตามหมายจับศาลจังหวัดมหาสารคาม จากคดีแอบอ้างเป็นตัวแทนลิขสิทธิ์การ์ตูน เรียกปรับค่าละเมิดลิขสิทธิ์ในพื้นที่ จ.มหาสารคาม ซึ่งพบว่า นายนัน เป็นคนเดียวกับที่ล่อซื้อกระทงละเมิดลิขสิทธิ์ลายการ์ตูนกับเด็กหญิงอายุ 15 ปี ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา โดยเรียกปรับค่าละเมิดลิขสิทธิ์เป็นเงินจำนวน 50,000 บาท แต่ผู้ปกครองต่อรองเหลือ 5,000 บาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 พ.ย. และจากนั้นมีผู้เสียหายมาร้องทุกข์ที่ สภ.เมืองนครราชสีมาเพิ่มรวม 61 ราย

วันที่ 25 พ.ย. ที่ห้องปฏิบัติการ สภ.เมืองนครราชสีมา พล.ต.ต.สุจินต์ นิจพานิชย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา แถลงข่าวถึงความคืบหน้าของคดีว่า ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนรอบด้าน ส่วนการที่มีกระแสข่าวว่าตั้งข้อสงสัยว่า ทำไมคดีที่ จ.มหาสารคาม จึงได้ออกหมายจังนายนัน กิ่งเพชรเร็ว ขณะที่ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา มีความล่าช้า ซึ่งขอชี้แจงว่ารายละเอียดใน 2 คดีนี้มีพฤติการณ์การกระทำความผิดที่ต่างกัน

คดีที่ จ.มหาสารคามนั้น เป็นคดีที่นายนัน ไปหลอกให้ผู้เสียหายทำสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์ซึ่งปกติผู้เสียหายไม่มีสินค้าชนิดนี้ในร้าน แล้วไปล่อซื้อเพื่อจับกุมเรียกค่าละเมิดลิขสิทธิ์อย่างชัดเจน ซึ่งต่างกับคดีการล่อซื้อกระทงละเมิดลิขสิทธิ์ของเด็กอายุ 15 ปี ที่มีการโพสต์ขายอยู่ก่อนแล้ว ต่อมาจึงได้มีการล่อซื้อและจับกุมเรียกค่าละเมิดลิขสิทธิ์ อย่างไรก็ตามทาง สภ.เมืองนครราชสีมา ได้มีการตรวจสอบในทุกประเด็น ไม่ว่าจะเป็นหนังสือมอบอำนาจ พฤติการณ์ในการร้องทุกข์ การจับกุม การสอบสวน ตลอดจนตรวจสอบลวดลายต่างๆ ที่ถูกอ้างว่าละเมิดลิขสิทธิ์ หากพบว่ามีเรื่องใดเรื่องหนึ่งผิดก็เข้าข้อหากรรโชกทรัพย์ได้ แต่ทั้งนี้คดีนี้มีรายละเอียดค่อนข้างมาก ต้องมีการตรวจสอบเอกสารหลักฐานด้านลิขสิทธิ์จากต่างประเทศ มีการสอบปากคำผู้ร้องเรียนทั้งในพื้นที่ จ.นครราชสีมา และกรุงเทพมหานคร

พล.ต.ต.สุจินต์ นิจพานิชย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา
ในส่วนของการแจ้งความนั้น ขณะนี้มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์กับ สภ.เมืองนครราชสีมาแล้ว จำนวน 61 ราย โดยในจำนวนนี้ได้แจ้งความเพียง 1 รายเท่านั้น คือน้องอ้อม (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ที่ถูกล่อซื้อกระทงละเมิดลิขสิทธิ์ลายการ์ตูน ส่วนที่เหลือนั้นเป็นเพียงผู้มาให้ถ้อยคำเท่านั้น ยังไม่มีรายได้แจ้งความทั้งสิ้น เนื่องจากเป็นคดีเก่าหลายปีมาแล้ว โดยขณะนี้ทางตำรวจภูธรภาค 3 ก็ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทุกสำนวนแล้ว ซึ่งต้องใช้เวลานานพอสมควร ถึงอย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด พล.ต.ต.สุจินต์ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง









