เร่งขยายกลุ่มตรวจโควิดตั้งเป้าเพิ่มอีก 1.7 แสนคนทั่วประเทศ เพิ่มยอดรวมถึง 4 แสน

เร่งขยายกลุ่มตรวจโควิดตั้งเป้าเพิ่มอีก 1.7 แสนคนทั่วประเทศ เพิ่มยอดรวมถึง 4 แสน

วันที่ 7 พ.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงถึงมาตรการการตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อโควิดว่า ก่อนหน้านี้ได้ดำเนินการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก Active case finding จากผู้สงสัย ผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงต่ำ ผู้อยู่ในสถานที่เดียวกับผู้ป่วย ทำให้พบผู้ป่วยที่มีอาการน้อยมาแยกกัก ตัดวงจนการแพร่ระบาด

แต่จะมีการเพิ่มการตรวจค้นหาผู้ติดเชื้อในชุมชน ในกลุ่มที่ไม่มีอาการใดๆ ซึ่งดำเนินการในพื้นที่ กทม.แล้ว ตรวจไปกว่า 3 พันรายพบติดเชื้อเพียง 1 ราย ส่วน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้พบประปรายในอัตราต่ำกว่า 1% เว้นเพียงบางพื้นที่

การตรวจแบบนี้ในประชากรกลุ่มเสี่ยงและสถานที่เสี่ยงทั่วประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจในการควบคุมป้องกันโรคสำหรับดำเนินการตามมาตรการผ่อนปรน และให้เป็นแนวทางให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดใช้เป็นแนวทางการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพในการเฝ้าระวัง

ประชากรกลุ่มเสี่ยงดูจากกลุ่มที่รวมตัวกันเป็นจำนวนมาก หรือทำงานเสี่ยงในการพบปะผู้คนจำนวนมาก เช่น บุคลากรทางการแพทย์, ผู้ต้องขังแรกรับ, ผู้ต้องกักศูนย์กักคนต่างด้าว, คนขับรถสาธารณะ, กลุ่มแรงงานที่อยู่รวมกัน, กลุ่มอาชีพเสี่ยง ส่วนสถานที่เสี่ยง เช่น ชุมชนแออัด ศาสนสถาน สถานีขนส่งผู้โดยสาร สถานีรถไฟฟ้า

ส่วนภาพรวมในการตรวจเชื้อโควิด ประเทศไทยมีจำนวนการตรวจจากห้องปฏิบัติการ โดยถึงวันที่ 4 พ.ค. ตรวจไปแล้ว 2.3 แสนตัวอย่าง คิดเป็น 3,421 ตัวอย่างจากประชากร 1 ล้านคน ซึ่งจำนวนที่ตรวจมากไม่ได้สัมพันธ์กับการควบคุมโรค เราตรวจในระดับปานกลาง แต่มีผลลัพธ์ในการควบคุมโรคในเกณฑ์ดี

แต่จากนี้ทั้งจากที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด และ รมว.สาธารณสุข ให้เร่งการตรวจห้องปฏิบัติการ ตั้งเป้าภายใน 1-2 เดือน ตรวจให้ถึง 6 พันรายต่อประชากร 1 ล้านคน เท่ากับต้องตรวจมากกว่า 4 แสนเคส จากปัจจุบัน 2.3 แสนเคส ต้องตรวจเพิ่มอีก 1.7 แสนเคส

จำนวนนี้จะตรวจผู้ป่วย ผู้สงสัยที่เข้าเกณฑ์ คาด 1 เดือนได้ 8 หมื่นราย อีกครึ่งหนึ่งจะมาจากเฝ้าระวังเชิงรุกซึ่งจะกระจายไปตรวจทางห้องปฏิบัติการทั้ง 77 จังหวัด โดยให้ คณะกรรมการควบคุมโรคของจังหวัดกำหนดประชากรกลุ่มเสี่ยง ทำแผนและดำเนินการ

จังหวัดเสี่ยงต่ำจะตรวจไม่ต่ำกว่า 400 ราย ส่วนจังหวัดเสี่ยงและยังมีการรายงานผู้ป่วย เช่น กทม. ต้องตรวจไม่ร้อยกว่า 1.5 หมื่นราย โดยมีการประชุมซักซ้อมเมื่อวันที่ 5 พ.ค. ที่ผ่านมา และสัปดาห์หน้าจะกระจายวัสดุสนับสนุนไปยัง 77 จังหวัด พร้อมให้เร่งรัดการตรวจเฝ้าระวังเชิงรุกครอบคลุมทั้งหมดเพื่อให้สอดคล้องกับการเตรียมเปิดกิจกรรม กิจการในระยะถัดมา

“เราไม่ได้ตรวจเพื่อตรวจ แต่ตรวจเพื่อวางแผนในการดำเนินการมาตรการผ่อนปรนให้สามารถสร้างความมั่นใจให้ประชาชน ให้รู้ว่าเมื่อจะเกิดโรคจะได้ตรวจจับได้เร็ว เพื่อทรัพยากรมีเพียงพอในการดูแลผู้ป่วยที่ตรวจพบ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แนวทางการตรวจอาจจะใช้เทคโนโลยีที่ประหยัดมากขึ้น เช่น การตรวจเชื้อในน้ำลายแทนการตรวจจากโพรงจมูก การตรวจโดยการนำตัวอย่างมาตรวจรวมกันในครั้งเดียว 5 ถึง 10 ตัวอย่าง (Pooled Sample)

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง