ศบค.เผยไทยเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 2,256 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 30 ราย พรุ่งนี้เตรียมผ่อนปรนพื้นที่สีแดงเข้มให้นั่งทานร้านได้
วันที่ 14 พ.ค. 64 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กล่าวว่าถึงมาตรการการผ่อนคลายการว่า ปัจจุบันสถานการณ์โรคโควิด-19 จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยใหม่ใน กทม. และปริมณฑล บางจังหวัดมีจำนวนเพิ่มขึ้น แต่สถานการณ์ในส่วนภูมิภาคพบผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยจำนวนลดลง สามารถควบคุมการระบาดได้ การระบาดส่วนใหญ่พบในผู้สัมผัสผู้ป่วยยืนยันต่อเนื่องจากการระบาดในสถานบันเทิง และการเดินทางจากพื้นที่เสี่ยง เพื่อเป็นการลดผลกระทบด้านเศรษฐกิจ-สังคม และเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การระบาดในปัจจุบัน จึงมีการปรับโซนสีขึ้นใหม่ ตามหลักเกณฑ์ ดังนี้
- ลักษณะการระบาดในชุมชน โดยพิจารณาจากจำนวน และความต่อเนื่อง
- พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด มีผู้ป่วยมากกว่า 100 รายต่อวัน อย่างน้อย 1 วันใน 1 สัปดาห์ หรือเฉลี่ยใน 1 สัปดาห์ มากกว่า 50 รายต่อวัน
- พื้นที่ควบคุมสูงสุด มีผู้ป่วยเฉลี่ยใน 1 สัปดาห์ 20-50 รายต่อวัน
- พื้นที่ควบคุม มีผู้ป่วยเฉลี่ยใน 1 สัปดาห์ น้อยกว่า 20 รายต่อวัน
- พื้นที่เฝ้าระวังสูง มีผู้ป่วยเฉลี่ยใน 1 สัปดาห์ น้อยกว่า 10 รายต่อวัน
- พื้นที่เฝ้าระวังพื้นที่ไม่มีผู้ป่วย อย่างน้อย 1 สัปดาห์
2. จังหวัดที่มีพื้นที่ติดกับพื้นที่ที่พบการระบาดต่อเนื่อง และเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อ
3. จังหวัดที่มีการระบาดในกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสแพร่เชื้อได้ง่าย
4. จังหวัดที่ติดกับชายแดน หรือเคยมีผู้เดินทางเข้าในพื้นที่ติดเชื้อ
5. สัดส่วนการได้รับวัคซีนของประชากรในพื้นที่ (ปรับลดระดับกรณีได้รับวัคซีนมาก)

จากหลักเกณฑ์ดังกล่าวจึงมีมาตรการผ่อนคลายตามระดับของพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร ดังนี้
พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม)
- ให้สวมหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า เมื่อออกนอกเคหะสถานหรืออยู่ในที่สาธารณะ
- ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 20 คน
- บริโภคในร้านโดยนั่งได้ไม่เกิน 25% ไม่เกิน 21.00 น. สั่งกลับบ้านได้ไม่เกิน 23.00 น. งดการจำหน่ายและดื่มสุราในร้าน
- ร้านสะดวกซื้อ เปิดบริการได้ตั้งแต่เวลา 04.00-23.00 น.
- สถานบริการ สถานบันเทิง ปิดให้บริการ
- ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า เปิดบริการตามปกติ ไม่เกิน 21.00 น. จำกัดจำนวนคน งดจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย
- สถานศึกษาทุกระดับ สถาบันกวดวิชา ห้ามใช้อาคาร สถานที่ เพื่อจัดการเรียน การสอน กิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมาก
- สถานที่เสี่ยง หรือสถานที่ที่มีกิจกรรมเสี่ยง ปิดบริการ ยกเว้นสถานที่เล่นกีฬากลางแจ้ง เปิดได้ไม่เกิน 21.00 น. แข่งขันได้โดยไม่มีผู้ชม
พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง)
- ให้สวมหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า เมื่อออกนอกเคหะสถานหรืออยู่ในที่สาธารณะ
- ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 50 คน
- บริโภคในร้านโดยนั่งได้ ไม่เกิน 23.00 น. งดการจำหน่ายและดื่มสุราในร้าน
- ร้านสะดวกซื้อ เปิดบริการได้ตั้งแต่เวลา 04.00-23.00 น.
- สถานบริการ สถานบันเทิง ปิดให้บริการ
- ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า เปิดบริการตามปกติ ไม่เกิน 21.00 น. จำกัดจำนวนคน งดจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย
- สถานศึกษาทุกระดับ สถาบันกวดวิชา ให้ใช้อาคาร สถานที่ เพื่อจัดการเรียน การสอน กิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมาก โดยผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด
- สถานที่เสี่ยง หรือสถานที่ที่มีกิจกรรมเสี่ยง เปิดบริการตามข้อกำหนด สถานที่เล่นกีฬา เปิดได้ไม่เกิน 21.00 น. แข่งขันได้โดยจำกัดผู้ชม
- ศบค.ผ่อนปรนร้านอาหาร พื้นที่ควบคุมสูงสุด นั่งกินได้ 25% รอเคาะจังหวัดพรุ่งนี้
พื้นที่ควบคุม (สีส้ม)
- ให้สวมหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า เมื่อออกนอกเคหะสถานหรืออยู่ในที่สาธารณะ
- ห้ามจัดกิจกรรมรวมคนมากกว่า 50 คน
- บริโภคในร้านโดยนั่งได้ ไม่เกิน 23.00 น. งดการจำหน่ายและดื่มสุราในร้าน
- ร้านสะดวกซื้อ เปิดบริการตามปกติ ตามมาตรการที่กำหนด
- สถานบริการ สถานบันเทิง ปิดให้บริการ
- ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า เปิดบริการตามปกติ ไม่เกิน 21.00 น. จำกัดจำนวนคน งดจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย
- สถานศึกษาทุกระดับ สถาบันกวดวิชา ให้ใช้อาคาร สถานที่ เพื่อจัดการเรียน การสอน กิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมาก ตามมาตรการที่กำหนด
- สถานที่เสี่ยง หรือสถานที่ที่มีกิจกรรมเสี่ยง เปิดบริการตามข้อกำหนด สถานที่เล่นกีฬา เปิดปกติ แข่งขันได้โดยจำกัดผู้ชม
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จังหวัดไหนจะอยู่ในพื้นที่สีใด จะต้องสรุปและนำเสนอนายกฯ อีกครั้งและจะประกาศในวันพรุ่งนี้
สำหรับสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน ว่า ประเทศไทยพบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 2,256 ราย จากการยอดติดเชื้อในเรือนจำ 183 ราย และติดเชื้อในประเทศ 2,68 ราย โดยแบ่งเป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 1,523 ราย การค้นหาเชิงรุกในชุมชน 545 ราย และติดเชื้อจากต่างประเทศ 5 ราย
สถานการณ์โควิด-19 วันที่ 14 พ.ค. 2564 พบติดเชื้อเพิ่ม 2,256 ราย สะสม 96,050 ราย, รักษาหาย 1,701 ราย สะสม 62,316 ราย, กำลังรักษา 33,186 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 30 ราย สะสม 548 ราย ผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 2,256 ราย มาจาก ระบบเฝ้าระวังฯ 1,523 ราย, คัดกรองเชิงรุก 545 ราย, เรือนจำ/ที่ต้องกัก 183 ราย และมาจากต่างประเทศ 5 ราย
จำนวนให้บริการฉีดวัคซีน สะสม 2,124,732 โดส หรือประมาณ 3.21% ของจำนวนประชากร
• ผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 : 21,302 ราย สะสม 1,416,432 ราย
• ผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 : 63,067 ราย สะสม 708,300 ราย










