กระทรวงสาธารณสุข สำรวจเตาเผาศพใน 189 วัด เขต กทม.และปริมณฑล ส่วนใหญ่ได้มาตรฐานพร้อมแนะแนวทางจัดการศพผู้ป่วยโควิด-19 บรรจุถุงซิปล๊อคตามมาตรฐานการ จะไม่สามารถแพร่เชื้อได้ ให้ญาติดำเนินการเผาหรือฝังทันที ห้ามเปิดถุงบรรจุศพเด็ดขาด ยืนยันเชื้อโรคที่ถูกเผาหรือฝังไม่สามารถแพร่เชื้อได้

วันที่ 3 ส.ค. 2564 นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ พร้อมด้วย นพ.ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย แถลงถึงข้อปฏิบัติฌาปนกิจผู้เสียชีวิตจากโควิด -19 ให้ปลอดโรค ปลอดภัย
นพ.ธเรศ กล่าวว่า กรณีที่มีข่าวเกี่ยวกับเตาเผาศพผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มีลักษณะร้าวจากการใช้งาน ทำให้ประชาชนกังวลเรื่องการแพร่กระจายเชื้อสู่ชุมชน นั้น ทางกรมสนับสนุนบริการสุขภาพและกรมอนามัย ได้ส่งทีมวิศวกรทางการแพทย์และวิศวกรอาสา ลงพื้นที่สำรวจเตาเผาศพในวัดที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และปทุมธานี ซึ่งมีทั้งหมด 189 วัด ขณะนี้ตรวจสอบไปแล้ว 31 วัด
จากการตรวจสอบระบบและโครงสร้างเตาเผา และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับทางวัด พบว่า เตาเผาศพมีมาตรฐาน ไม่มีการแพร่เชื้อโควิด-19 ส่วนรอยร้าวที่เกิดขึ้นเนื่องจากมีการใช้งานอย่างหนัก เกินศักยภาพที่ส่วนใหญ่เผาศพได้ 2-4 ศพ / วัน ความสามารถและเวลาในการเผาขึ้นอยู่กับชนิดของเตา อายุการใช้งาน และร่างของผู้เสียชีวิต
ข้อมูลจากสำนักงานพระพุทธศาสนา วัดในกรุงเทพมหานครมี จำนวน 92 แห่ง เผาศพไปแล้ว 3,067 ศพ วัดในจังหวัดนนทบุรี จำนวน 42 แห่ง เผาศพไปแล้ว 1,067 ศพ และวัดจังหวัดปทุมธานี จำนวน 55 แห่ง เผาศพไปแล้ว 222 ศพ พบว่ารองรับการจัดการศพในสภาวะวิกฤตนี้ได้ถึง 2 เท่า
พร้อมทั้ง ให้ความมั่นใจว่า เตาเผาศพที่ได้ไปตรวจสอบมีมาตรฐานและระบบรองรับ มีความปลอดภัยกับชุมชนโดยรอบ แต่การดำเนินจัดการเผาศพผู้ติดเชื้อต้องเป็นไปตามมาตรฐานอย่างถูกต้อง
นอกจากนี้ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้ร่วมกับ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จัดทำระบบ GIS รวบรวมข้อมูลรายชื่อวัดที่รับฌาปนกิจผู้ติดเชื้อโควิด-19 ฟรี สำหรับประชาชน สถานพยาบาล หน่วยกู้ภัย และการแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อให้สามารถค้นหาวัดที่อยู่ใกล้ และสถานที่ตั้ง เพื่อการกระจายไปฌาปนกิจยังวัดต่างๆ ลดโหลดการใช้งานเตาเผาให้มีอายุการใช้งานที่นานขึ้น ดาวน์โหลดระบบ GIS ได้ที่เว็บไซต์กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และกรมอนามัย สำหรับวัดที่มีปัญหาเกี่ยวกับเตาเผาศพ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพได้รวบรวมข้อมูลบริษัทผลิตและจำหน่ายเตาเผาศพไว้เพื่อสะดวกในการติดต่อสอบถาม
ด้าน นพ.ดนัย กล่าวว่า การจัดการศพผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ กรมอนามัยได้จัดทำ 3 แนวทาง ดังนี้
1. ยืนยันสาเหตุการตาย โดยแยกเป็น 2 กรณี คือ กรณีที่ 1 เสียชีวิตในโรงพยาบาล จะดำเนินการโดยทีมจัดการศพ โดยศพผู้เสียชีวิตจะถูกบรรจุใส่ถุงบรรจุศพ 2 ชั้น และทำความสะอาดฆ่าเชื้อภายนอกถุงบรรจุศพตามมาตรฐาน
2. เสียชีวิตนอกโรงพยาบาล ทีมจัดการศพจะนำศพใส่ถุงบรรจุศพ 2 ชั้นตามมาตรฐาน และแจ้งพนักงานสาธารณสุขใกล้บ้าน หรือพนักงานควบคุมโรคติดต่อของโรงพยาบาล 2) แจ้งตายตามขั้นตอน และออกใบมรณบัตรภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อนำไปฌาปนกิจ
3. การขนศพผู้เสียชีวิตและการประกอบพิธีทางศาสนา กรณีญาติมีความพร้อม หลังจากที่ญาติรับทราบแนวปฏิบัติจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และมีใบมรณบัตร สามารถประสานวัดและอาสาสมัคร หรือกู้ภัย หรือมูลนิธิ เพื่อขนศพ แต่หากญาติไม่มีความพร้อมหรือติดโควิดทั้งครอบครัว และศพไม่มีญาติ ให้แจ้งโรงพยาบาลเพื่อประสานกับทางวัดเพื่อดำเนินการขนศพ
ทั้งนี้ การจัดพิธีศพทางศาสนา ทั้งการเผาศพหรือฝังศพทั้งถุง ขอให้ดำเนินการในพื้นที่ที่จัดเตรียมเฉพาะ ห้ามเปิดถุงบรรจุศพอย่างเด็ดขาด ควรดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 24 ชั่วโมง หรือ 1 วัน และขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยให้ใช้เตาเผาศพเท่านั้น หลีกเลี่ยงการเผากลางแจ้ง และควรใช้เตาเผาศพปลอดมลพิษแบบสองห้องเผา ที่สามารถควบคุมอุณหภูมิในห้องเผาศพไม่น้อยกว่า 760 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิในห้องควันไม่น้อยกว่า 1,000 องศาเซลเซียสตลอดระยะเวลาการเผาศพ ซึ่งควันที่ลอยจากปล่องจะไม่สามารถแพร่เชื้อได้ และระหว่างการเผาศพไม่ควรเปิดประตูเตาเผาศพ หลีกเลี่ยงการเขี่ยหรือพลิกศพ และไม่ควรนำสิ่งของอื่นๆ เข้าเตาเผาเนื่องจากส่งผลกระทบต่อการทำงานของเตาเผา และอาจเกิดสารตกค้างอื่นๆ เมื่อเผาศพเสร็จเรียบร้อยแล้วถือได้ว่าเชื้อโรคถูกเผาทำลายไปหมดแล้ว สามารถเก็บกระดูกเพื่อนำไปบำเพ็ญกุศลได้
ส่วน พระสงฆ์ที่ประกอบพิธี และผู้ปฏิบัติงานที่ไม่ได้สัมผัสกับศพโดยตรง ไม่จำเป็นต้องใส่ชุด PPE และผู้ร่วมพิธีต้องสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง เพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากอาจสัมผัสเชื้อจากบุคคลอื่นหรือจุดสัมผัสร่วมได้ ภายหลังเสร็จพิธีเผาศพเมื่อกลับถึงบ้านให้อาบน้ำ สระผม และเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที










