สรุปศบค. แถลงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ประจำวัน พบผู้ติดเชื้อใหม่เพียง 7 คน หายป่วยเพิ่มอีก 22 คน นพ.ทวีศิลป์ เผยมติ ศบค. ให้ผ่อนปรน 6 กิจการ-กิจกรรม เปิดดำเนินการ ตามมาตรฐานกลางที่ทุกจังหวัดทั่วประเทศต้องทำ

วันที่ 30 เมษายน 2563 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย พบว่า ยอดผู้ป่วยลดลงเลข “ตัวเดียว” เป็นวันที่สี่
– ผู้ติดเชื้อเพิ่ม 7 คน (สะสม 2,954 คน)
– หายป่วย 2,687 คน (สะสม 22 คน)
– รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 213 คน (รักษาหายสะสม 2,687 คน)
– ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต (ยอดสะสมคงอยู่ที่ 54 คน)
ขณะที่อายุเฉลี่ยที่พบมากที่สุดคือ 39 ปี และช่วงอายุที่พบมากที่สุดคือ 20-29 ปี
สำหรับรายละเอียดผู้ติดเชื้อใหม่ 7 คน
-การค้นหาเชิงรุกในชุมชน 4 คน (ภูเก็ต 3 และ กระบี่ 1)
-ผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศใน State Quarantine ในกรุงเทพฯ 3 ราย (กลับจากประเทศมาเลเซีย)
ขณะที่จำนวนผู้ป่วยที่มีอาการตามนิยามเผ้าระวังโควิด-19 และผู้ป่วยยืนยันรายวัน ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 29 เมษายน 2563 สะสมตั้งแต่ 4 มกราคม 63 พบผู้ป่วย PUI 62,018 คน, ผู้ป่วยยืนยัน 2,947 คน, Positive rate 4.75% เมื่อปรับเปลี่ยนเกณฑ์ล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน พบผู้ป่วย PUI 33,991,ผู้ป่วยยืนยัน 727 คน , Positive rate 2.14%
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2563 ให้ขยายระยะเวลาประกาศ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เพิ่มอีกหนึ่งเดือน ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 – 31 พ.ค. 2563 เพื่อให้สถานการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยพิจารณาให้คงมาตรการหลักๆ ต่อไปนี้
- ห้ามบุคคลออกนอกเคหะสถาน (curfew) ระหว่างเวลา 22.00-04.00 น.
- ควบคุมการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ ขยายการห้ามอากาศยาน บินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราวออกไปอีก 1 เดือน (1-31 พฤษภาคม 2563)
- งด หรือชะลอการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัด โดยไม่มีเหตุจำเป็น
- งดการดำเนินกิจกรรมคนหมู่มาก ห้ามประชาชนเข้าไปในพื้นที่หรือสถานที่ซึ่งมีคนจำนวนมากทำกิจกรรมร่วมกัน หรือเสี่ยงต่อการแพร่โรคติดเชื้อโควิด-19
- ยังคงแนวทางการทำงานที่บ้าน (Work From Home) ให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 50
ขณะที่ข้อสรุปมาตรการผ่อนปรน กำหนดให้มีมาตรฐานกลางของกิจการและกิจกรรม ในทุกพื้นที่ ให้ยึดถือปฏิบัติ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ กำหนดรายละเอียดต่อไป ทั้งนี้รายละเอียดของพื้นที่สามารถมีความเข้มข้นมากกว่าได้ แต่มีความเข้มข้นน้อยกว่ามาตรฐานกลางไม่ได้ แนวทางการดำเนินงานจะต้องคำนึงถึงปัจจัยด้านสาธารณสุขเป็นหลัก และนำปัจจัยด้านสังคมและปัจจัยด้านเศรษฐกิจมาประกอบพิจารณา
6 กิจการ-กิจกรรมที่เปิดได้ เริ่มวันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม ประกอบด้วย
1.ตลาด ตลาดสด, ตลาดนัด, ตลาดน้ำ, ตลาดชุมชน, ถนนคนเดิน และแผงลอย
2.ร้านจำหน่ายอาหาร ร้านอาหารทั่วไป (ร้านเครื่องดื่ม ขนมหวาน ไอศกรีม นอกห้าง), ร้านอาหารริมทาง, รถเข็นและหาบเร่
3.กิจการค้า ปลีก-ส่ง ซุปเปอร์มาร์เก็ต, ร้านสะดวกซื้อบริเวณพื้นที่นั่ง/ยืนรับประทาน, รถเร่หรือระวิ่งขายสินค้าอุปโภคบริโภค, ร้านค้าปลีกขนาดย่อม/ร้านค้าปลีกชุมชน, ร้านขายปลีกธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม
4.กีฬาสันทนาการ กิจกรรมในสวนสาธารณะ ได้แก่ เดิน / รำไทเก๊ก, สนามกีฬากลางแจ้งที่เป็นการออกกำลังกายโดยไม่ได้เล่นเป็นทีมและไม่มีการแข่งขัน เช่น เทนนิส ยิงปืน ยิงธนู จักรยาน กอล์ฟและสนามซ้อม
5.ร้านตัดผม เสริมสวย ร้านตัดผม เฉพาะตัด สระ ไดร์ผม
6.อื่นๆ ร้านตัดขนสัตว์ และ ร้านรับเลี้ยงรับฝากสัตว์
ขณะที่ 6 กิจการ-กิจกรรมที่ได้รับการผ่อนปรนจะมีมาตรการควบคุมหลัก ได้แก่
- ทำความสะอาดพื้น พื้นผิวสัมผัสบ่อยๆ ทั้งก่อนและหลังการจัดกิจกรรม และให้กำจัดขยะมูลฝอยทุกวัน
- ให้ผู้ประกอบการ พนักงานบริการ ผู้ใช้บริการสวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าเสมอ
- ให้มีจุดบริการล้างมือด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจล หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรค
- ให้เว้นระยะห่าง หรือระยะนั่งหรือยืน ห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร
- ให้ควบคุมจำนวนผู้ร่วมกิจกรรมมิให้แออัด หรือลดเวลาในการทำกิจกรรมให้สั้นลงเท่าที่จำเป็น โดยถือหลักหลีกเลี่ยงการติดต่อสัมผัสระหว่างกัน









