ทิพานัน ประสานหน่วยงานสอบแก๊งรับจ้างจัดฉากแกล้งตายบนถนน เชื่อทำเป็นขบวนการ ด้าน รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผย สั่งสอบข้อเท็จจริง หากพบจัดฉาก มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
วันที่ 29 ก.ค.64 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีการแชร์ภาพและคลิปวิดีโอคนเสียชีวิตบนท้องถนน ทำให้เกิดความตื่นตระหนกในสังคมในหลายสถานที่ แต่ปรากฎว่าผู้เสียชีวิตในหลายคลิปนั้นแต่งกายเหมือนกันและมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกัน ซึ่งโพสต์ดังกล่าวก็ได้ถูกส่งต่อข้อมูลหรือแชร์ไปอย่างแพร่หลายในวงกว้าง ทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความหวาดกลัวตื่นตระหนก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้วงสถานการณ์ฉุกเฉินและการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะดำเนินการพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าว รวมถึงตัวผู้ที่เกี่ยวของทุกรายหากพบว่าเป็นการสร้างสถานการณ์หรือเป็นความผิดจริง ก็จะดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายกับผู้กระทำความผิดหรือผู้ที่เกี่ยวข้องทุกรายต่อไป
ทั้งนี้ หากตรวจสอบพบว่าเป็นความผิดจริง การกระทำดังกล่าวในลักษณะการผลิตและเผยแพร่ข่าวปลอม หรือบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ทำให้เกิดความตื่นตระหนก เกิดความสับสนวุ่นวาย โดยเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2), (5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเป็นความผิดฐานฝ่าฝืนข้อกำหนด ประกาศ หรือ คำสั่งที่ออกตามความมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวต่อว่า ในปัจจุบันที่พี่น้องประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่างๆ ได้ง่าย ขออย่าหลงเชื่อ ไม่ส่งต่อหรือแชร์ข้อมูล จนกว่าจะตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลข่าวสารให้ชัดเจนเสียก่อน เพื่อมิให้เกิดความสับสนและตื่นตระหนกในสังคม เพราะในปัจจุบันนี้มีข่าวปลอมเกิดขึ้นทุกวัน นอกจากนี้หากพี่น้องประชาชนมีข้อมูลหรือเบาะแสการกระทำความผิด สามารถแจ้งไปยัง Call Center ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลข 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ด้าน น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ข้าราชการการเมือง ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ต้องเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องทั้งขบวนการ คือ ผู้รับจ้าง ผู้ว่าจ้าง และผู้นำเข้าข้อมูลในสื่อโซเชียลทอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนข้อ 11 แห่งข้อกำหนดฉบับที่ 27 เรื่องมาตรการเพื่อไม่ให้มีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารอันทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท และความผิดตามมาตรา 14 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฐานนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนโดยทุจริต ข้อมูลอันเป็นเท็จที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ แล้วแต่พฤติการณ์
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ขอฝากเตือนประชาชนที่พบเห็นภาพในลักษณะดังกล่าว ขอให้หยุดคิดและตรวจสอบที่มาที่ไปของแหล่งข้อมูลที่นำภาพและคลิปมาเผยแพร่ก่อนรีบส่งต่อ ซึ่งอาจตกเป็นเครื่องมือในการสร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย บั่นทอนกำลังใจของผู้ปฏิบัติหน้าที่ ที่น่าเป็นห่วงคือเยาวชน อาจเกิดการลอกเลียนแบบพฤติกรรมนี้ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์










