นพ.ธีระ หวั่นโควิดสายพันธุ์ ‘มิว’ ระบาดในไทย หลังผลวิจัยญี่ปุ่น พบ เชื้อดื้อต่อภูมิคุ้มกันมากกว่าแอฟริกาใต้

นพ.ธีระ แนะเฝ้าระวัง ‘โควิด-19 สายพันธุ์มิว’ ระบาดในไทย เพราะเชื้อดื้อต่อภูมิคุ้มกันจากวัคซีนมากกว่าสายพันธุ์แอฟริกาใต้ (B.1.351) ที่เคยเชื่อกันว่า เป็นสายพันธุ์ที่ดื้อที่สุด จึงต้องเฝ้าระวังให้ถึงที่สุด

วันที่ 9 ก.ย. 2564 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ซึ่งมีผู้ติดเชื้อทะลุ 223 ล้านคน โดย 5 อันดับแรก ที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุด คือ อเมริกา อินเดีย สหราชอาณาจักร อิหร่าน และตุรกี ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย เมื่อวานนี้ (8 ก.ย.) จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ลำดับ 11 ของโลก แต่หากรวมยอด ATK ด้วยจะพบว่า สูงเป็นอันดับ 8 ของโลก

รศ.นพ.ธีระ ยังกล่าวถึง โควิด-19 สายพันธุ์ ‘มิว’ ซึ่งเป็นเชื้อกลายพันธุ์ใหม่ โดยข้อความในโพสต์ ระบุว่า องค์การอนามัยโลกกำลังจับตาดูไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์มิว (B.1.621) ซึ่งพบครั้งแรกที่โคลอมเบีย ตั้งแต่เดือน ม.ค. 2564 และมีการแพร่ระบาดไปแล้ว 39 ประเทศทั่วโลก (สถิติ ณ 30 ส.ค. 2564) โดยกำหนดให้เป็นสายพันธุ์ที่เป็นที่สนใจ (variant of interest) เพราะสายพันธุ์นี้มีการกลายพันธุ์ถึง 8 ตำแหน่งตรงบริเวณหนามของไวรัส ซึ่งในจำนวนนี้ มีถึง 4 ตำแหน่งที่เหมือนกันกับที่พบในกลุ่มสายพันธุ์ที่น่ากังวล (variants of concern) ทั้งอัลฟา เบตา แกมมา และเดลตา

แม้มีการประเมินว่าผ่านมา 8 เดือน สายพันธุ์นี้ก็ระบาดไปไม่มากนัก โอกาสจะขยายวงระบาดใหญ่มาเหนือเดลต้าน่าจะเป็นไปได้ยาก แต่ข้อมูลวิจัยหลายชิ้นก็สะท้อนให้เห็นว่าต้องไม่ประมาท

ล่าสุด ทีมวิจัยจากญี่ปุ่นศึกษาพบว่า สายพันธุ์มิว (B.1.621) นั้นดื้อต่อภูมิคุ้มกันจากวัคซีนมากกว่าสายพันธุ์แอฟริกาใต้ (B.1.351) ที่เคยเชื่อกันว่าเป็นสายพันธุ์ที่ดื้อที่สุด เรื่องนี้แต่ละประเทศจึงต้องมีการเฝ้าระวังให้ถึงที่สุด

พร้อมเน้นย้ำว่า การระบาดในประเทศยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ขอให้ป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด ใส่หน้ากากสองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า สำคัญมาก