แจงดราม่า แรงงานจากเกาหลีกักโรค 14 วัน ถูกให้นอนเต็นท์ ไร้พัดลม ห้องน้ำรวม

แจงดราม่า แรงงานจากเกาหลีกักโรค 14 วัน ถูกให้นอนเต็นท์ ไร้พัดลม ห้องน้ำรวม

ในประเทศ
จากกรณีแรงงานที่กลับจากเกาหลีใต้ ร้องเรียนสภาพความเป็นอยู่ในพื้นที่กักกันโควิด-19 ที่ จ.บุรีรัมย์ โดยระบุว่า สถานที่ไม่มีความพร้อม อากาศร้อน ต้องนอนเต็นท์โดยไม่มีพัดลม และต้องใช้ห้องรวม ตอนที่ขึ้นรถที่สนามบินสุวรรณภูมิเข้าใจว่าจะได้ไปพักที่สัตหีบ แต่ถูกส่งมาที่บุรีรัมย์ จนเกิดความเครียดกันไปหมด
และลงภาพประกอบ เป็นเต็นท์นอนที่กางเรียงกันไว้ ในพื้นที่ของสนามกีฬา ขณะเดียวกันพบว่าแรงงานอีกกลุ่มหนึ่งโพสต์ภาพห้องพักติดเครื่องปรับอากาศ ซึ่งให้พักได้ห้องละคน
วันที่ 10 มี.ค. นายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานประชุม คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อระดับจังหวัด ที่ห้องประชุมสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อร่วมวางมาตรการควบคุมป้องกันโควิด-19 โดยระบุเตรียมสถานที่ไว้รองรับกักตัวไว้ 3 แห่ง คือ ที่พักภายในสนามกีฬาของเอกชน , ค่าย อส. และวัดแห่งหนึ่งใน อ.นางรอง โดยจะมีการกักตัวไว้สังเกตอาการเป็นเวลา 14 วัน มีเจ้าหน้าที่จากสาธารณสุขเข้าไปทำการวัดไข้ และติดตามอาการทุกวันจนครบตามระยะเวลาที่กำหนด
นายธัชกร ชี้แจงถึง กระแสเรื่องสถานที่กักตัวภายในสนามกีฬาแออัดมากว่า ขอชี้แจงว่าเกิดจากการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากสถานที่กักตัวของเอกชนดังกล่าว ได้จัดเตรียมไว้รองรับผู้ที่จะเข้ารับการกักตัวซึ่งเป็นชาวบุรีรัมย์เพียง 60 คน แต่มีคนเดินทางมาจำนวน 186 คนมาถึงเมื่อคืนนี้ ซึ่งในจำนวนนี้มาจากหลายจังหวัด ไม่ใช่เฉพาะจ.บุรีรัมย์ ไม่มีการคัดแยกมาตั้งแต่ต้นทาง
เมื่อเดินทางมาถึงที่บุรีรัมย์ในช่วงค่ำ ในฐานะเจ้าบ้านจึงให้การดูแลก่อนในเบื้องต้น หลังจากนั้นก็คัดแยกและส่งไปกักตัวตามภูมิลำเนาของตัวเองเพื่อลดปัญหาความแออัด ขอยืนยันว่าทางจังหวัดมีความพร้อมที่จะดูแลกลุ่มเสี่ยงที่จะเดินทางกลับมา
.
ขณะที่ประชาชนและแรงงานชาว จ.บุรีรัมย์ โดยตรง ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงแล้วขณะนี้ 362 คน ติดตามอาการครบ 14 วันแล้ว 130 คน อยู่ในระหว่างที่จะต้องกักตัวติดตามอาการ 232 คน
นายธัชกร ยืนยันว่า ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ยังไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด ส่วนผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงก็อยู่ในข่ายที่จะต้องกักตัวเฝ้าสังเกตอาการตามขั้นตอนการควบคุมโรคเท่านั้นไม่ใช่ผู้ป่วย
.
ทางสาธารณสุขก็มีมาตรการเฝ้าระวังป้องกันอย่างเข้มข้น ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นระบบการควบคุมป้องกันโรคของภาครัฐ ไม่อยากให้ตื่นตระหนกมากจนเกินไป และอยากให้ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการหรือแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้เท่านั้นเพราะหลายภาคส่วนก็ทำงานกันอย่างเต็มที่

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง