สธ.รับไทยพบโควิดสายพันธุ์ย่อย โอไมครอน ‘XBB-BF.7-BN.1’ ขออย่าตกใจ เพราะตระกูลโอไมครอน แม้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นแต่ไม่รุนแรง
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงข่าวในประเด็นการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด-19 ว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้มีการเฝ้าระวังสายพันธุ์ต่างๆ เพื่อให้ทราบข้อมูลได้ไม่ช้าเกินไป โดยช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการตรวจสายพันธุ์ 128 ตัวอย่าง ยังเป็นโอไมครอนทั้งหมด ส่วนเดลตา อัลฟา เบตา ไม่เจอแล้ว ซึ่ง BA.5 พบมากที่สุด ส่วนBA.2 พบเล็กน้อยเพียง 2 ตัวอย่าง โดยสายพันธุ์ BA.2.75 ในสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่พบเลย ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกได้ติดตามสถานการณ์ และยังไม่พบสายพันธุ์ที่น่าห่วงกังวลเพิ่มเติม ยังเป็นโอไมครอน แต่โอไมครอนแตกลูกหลาน จึงต้องติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด
นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังในประเทศไทยพบสายพันธุ์ XBB จำนวน 2 ราย รายแรกเป็นหญิงต่างชาติอายุ 60 ปี เดินทางมาจากฮ่องกง และมาตรวจในรพ.เอกชนแห่งหนึ่ง อาการไม่มาก มีไอ ขณะป่วยอาศัยโรงแรมแห่งหนึ่ง ส่วนรายที่ 2 เป็นคนไทยอายุ 49 ปี เดินทางมาจากสิงคโปร์ ไปรพ.เดียวกัน มีอาการไอ คัดจมูก ไม่ได้ไปไหน อยู่ในไทย มาตรวจจึงทำให้พบเชื้อ อาการไม่มากและหายเป็นปกติแล้ว

นพ.ศุภกิจ กล่าวยืนยันว่า แม้จะมีพันธุ์ใหม่แต่อย่าเพิ่งตกใจ เพราะยังไม่มีหลักฐานว่า ป่วยหนัก อย่างสิงคโปร์ที่พบเชื้อนี้จำนวนมาก เขาก็ยืนยันว่า จำนวนคนไข้หนักที่เพิ่มขึ้น เป็นไปตามสัดส่วนของเชื้อที่เพิ่มขึ้น หมายความว่าตัวเชื้อไม่ได้รุนแรง แต่ที่มากเพราะคนติดเชื้อเยอะขึ้น
ส่วนสายพันธุ์ BF.7 เป็นสายพันธุ์ลูกหลานของ BA.5.2.1 มีความสามารถในการแพร่ระบาดน้อยกว่า XBB และ BQ.1.1 พบในจีน และแพร่ไปยังเบลเยียม เยอรมนี ฝรั่งเศส เดนมาร์ก และอังกฤษ รวมถึงพบในไทย 2 ราย เป็นชายต่างชาติอายุ 16 ปี อาศัยอยู่ในไทย อยู่ที่กรุงเทพฯ โดยเราได้ส่งข้อมูลไปจีเสดตั้งแต่ ก.ย. แต่ตอนนั้นเป็นสายพันธุ์กลุ่มของ BA.5 จนมีการแตกสายพันธุ์ออกมาก ส่วนอีกรายเป็นหญิงไทยอายุ 62 ปี บุคลากรทางการแพทย์ พบที่กรุงเทพฯ มีการรายงานข้อมูลช่วงเดือน ก.ย. 65 ทั้งคู่ไม่ได้มีอาการรุนแรง โดยทั่วโลกเจอเชื้อนี้ประมาณ 13,000 คน อย่างไรก็ตามพวกนี้เป็นเชื้อในตระกูลโอไมครอน คือ แพร่เร็วแต่ไม่รุนแรง

นอกจากนี้ ไทยยังเจอสายพันธุ์ BN.1 หรือ BA.2.75.5.1 จากฐานข้อมูลจีเสดทั่วโลกพบ 437 ราย โดยไทยมีรายงาน BN.1 บนจีเสดจำนวน 3 ราย พบเพิ่มเติมในไทย 7 ราย ส่วน BQ.1.1 ยังไม่พบในไทย แต่ที่น่าสนใจคือ ตัวนี้เพิ่มจำนวนค่อนข้างเร็ว ซึ่งอาจเป็นปัญหาในอนาคตได้ โดยทั่วโลกมีรายงานพันกว่าราย สำหรับสถานการณ์ Emerging variant ที่กังวลเรื่องการหลบภูมิคุ้มกัน จะพบว่า มี XBB รองลงมา BQ.1.1 และ BN.1 จึงต้องมีการเฝ้าระวังและติดตามต่อไป
นพ.ศุภกิจ กล่าวว่ากล่าวว่า วันนี้สายพันธุ์ BA.2.75.2 มี 8 ราย BN.1 มี 10 ราย BF.7 มี 2 ราย และ XBB อีก 2 ราย แต่ส่วนใหญ่คนติดเชื้อยังเป็น BA.5 พันธุ์ย่อยๆ มีบ้าง แต่ขอย้ำว่า ประชาชนอย่าเพิ่งตกใจ เพราะตระกูลโอไมครอน แม้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นแต่ไม่รุนแรง ซึ่งหากมีอาการก็ขอให้ตรวจหาเชื้อ จะได้ลดการแพร่เชื้อ เพราะหลักการหากลดการแพร่เชื้อ ก็ลดการกลายพันธุ์ได้ ดังนั้นมาตรการที่ใช้อยู่อย่างการสวมหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะการไปอยู่ในที่คนจำนวนมากยังช่วยได้ และการล้างมือบ่อยๆ ก็ช่วยได้ รวมทั้งการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นยังเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะกลุ่ม 608 และในกรณีที่ฉีดเข็มสุดท้ายเกิน 4-6 เดือนขอให้มาฉีดกระตุ้น










