
จากกรณีที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อบริหารจัดการและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งจะมีผล 00.01 น.ของวันที่ 26 มี.ค.
.
และออกข้อกำหนด ฉบับที่ 1 ซึ่งในข้อที่ 10 ระบุเรื่องมาตรการดูแลความสงบเรียบร้อย โดยในพื้นที่จังหวัดอื่นๆ นอกกรุงเทพมหานคร ให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคงหรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณามาตรการตามความเหมาะสม
.
โดยกำหนดว่าอย่างน้อยให้มีมาตรการตั้งด่านตรวจหรือจุดสกัดดูแลการเดินทางข้ามพื้นที่จังหวัดเพื่อจัดระเบียบการเดินทาง การจราจร การเฝ้าระวังหรือสังเกตอาการผู้เดินทาง และพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดโรค

วันที่ 25 มี.ค. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้มีโทรสารในราชการภายในกระทรวงมหาดไทย ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกจังหวัด ดำเนินการตามประกาศ แถลงการณ์ คำสั่ง และข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยการปฏิบัติตามข้อ 10 ของข้อกำหนดฉบับที่ 1 ให้จัดทำคำสั่ง มอบหมายเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ร่วมกับตำรวจและทหารในพื้นที่ ร่วมกันตั้งด่านตรวจหรือจุดสกัดดูแลการเดินทางข้มพื้นที่จังหวัด จัดระเบียบการเดินทาง การจราจร การเฝ้าระวังหรือสังเกตอาการผู้เดินทาง และพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดโรค ตั้งแต่ 00.01 น. ของวันที่ 26 มี.ค. เป็นต้นไป

ทั้งนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้อธิบายถึงการตั้งด่ายตรวจหรือจุดสกัดระหว่างจังหวัดไว้ก่อนหน้านี้ว่า ยังไม่ได้ห้ามเดินทางข้ามจังหวัด แต่ได้วางมาตรการให้การเดินทางยากและลำบากจนไม่น่าจะเดินทางเว้นแต่คนที่มีความจำเป็นจริงๆ
.
ฝ่ายความมั่นคงจะจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจทหาร อาจจะใช้ กอ.รมน. อาสาสมัคร ไปตั้งจุดสกัดหรือด่านโดยเฉพาะตรงรอยต่อระหว่างจังหวัด แล้วดูว่ายานพาหนะมีการเว้นระยะในการนั่งหรือยืนบนรถห่างกันอย่างน้อย 1 เมตรหรือไม่ (ยกเว้นรถส่วนตัว) ผู้โดยสารทุกคนสวมหน้ากากหรือไม่ เรียกลงมาตรวจวัดอุณหภูมิ รวมทั้งอาจให้ใช้เจลล้างมือ ตรวจดูว่าดื่มสุราสังสรรค์บนยานพาหนะหรือไม่ ซึ่งถ้ามีก็ห้ามหรืออาจดำเนินคดี
.
หลังจากนี้ อาจจะมีติดแอปพลิเคชั่นติดตามตัวผู้โดยสาร ที่สำคัญผู้ที่ผ่านด่านตรวจต้องเตรียมบัตรประชาชน ซึ่งเจ้าหน้าที่อาจเรียกให้กรอกแบบฟอร์ม เพื่อหากมีกรณีรถโดยสารพบผู้ติดเชื้อจะได้ตามตัวทุกคนบนรถได้
.
นายวิษณุ ย้ำว่า ขณะนี้หลักคือ สามารถเดินทางได้แต่จะยากลำบาก
.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง









