
ที่มาของข้อมูล จ.ยะลา พบผู้ติดเชื้อโควิด 40 คน และกระทรวงสาธารณสุข ให้มีการตรวจซ้ำครั้งที่ 2 พบว่าทั้งหมดไม่มีการติดเชื้อ จึงให้ส่งตัวอย่างเข้า กทม.เพื่อตรวจซ้ำครั้งที่ 3 เพื่อยืนยัน
.
เริ่มจาก 18-24 เม.ย. จ.ยะลา ได้ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก (Active case finding) ในชุมชนทุกอำเภอรวม 3,277 ตัวอย่าง จำนวนนี้พบผู้ติดโควิด 20 คน จาก อ.เมืองยะลา 3 คน,อ.ยะหา 3 คน และอ.บันนังสตา 14 คน
.
จากผู้ติดเชื้อ 20 คนนี้ มีสอบสวนโรคค้นหาผู้ที่มีความเชื่อมโยง สัมผัสใกล้ชิดอีก 671 คน หลังคัดกรองด้วยการสัมภาษณ์ซักประวัติแล้วเหลือที่ต้องตรวจหาเชื้อ 222 คน จำนวนนี้พบผู้ติดเชื้อ 6 คน จาก อ.บันนังสตา 5 คน และ อ.ยะหา 1 คน
.
ทีมสอบสวนโรคค้นหาผู้สัมผัสใกล้ชิดจาก 6 คนนี้ พบมี 311 คน นำมาซึ่งปฏิบัติการตรวจและผลจากห้องแล็บ จ.ยะลา พบติดเชื้อ 40 คน จาก อ.เมืองยะลา 4 คน, อ.ยะหา 24 คน ,อ.บันนังสตา 7 คน และ อ.รามัน 5 คน
.
อย่างไรก็ตามข้อมูลชุดนี้เป็นข้อมูลภายในที่อยู่ระหว่างการประมวลผล แต่กลับหลุดออกไปก่อนการแถลงอย่างเป็นทางการ จนกลายเป็นข่าวในวงกว้างตลอดวันที่ 3 พ.ค. ทำให้สาธารณสุขจังหวัดยะลา ต้องออกมาตั้งโต๊ะแถลงในช่วงเย็นวันเดียวกันว่า มีการเก็บสิ่งส่งตรวจหาเชื้อใหม่เพื่อส่งตรวจยืนยันอีกครั้ง ณ ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ จ.สงขลา
.
เช้าวันที่ 4 พ.ค. ผลจากห้องแล็บสงขลา ให้ข้อมูลตรงกันข้ามกับห้องแล็บยะลาว่า ทั้งหมดไม่ติดเชื้อ จึงให้มีการส่งตรวจซ้ำอีกครั้งที่ห้องแล็บของ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่กรุงเทพฯ

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค ระบุว่า สาเหตุน่าจะเกิดการขั้นตอนการตรวจในห้องปฏิบัติการ ดังนั้นเพื่อความมั่นใจและเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนจะส่งตัวอย่างมาตรวจอีกครั้งที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ขอให้รอผลการตรวจอีกครั้งว่าเป็นผู้ที่ติดเชื้อหรือไม่
.
“แต่ในเบื้องต้นโอกาสที่จะเป็นผู้ติดเชื้อน่าจะน้อยเพราะทั่วไปคนที่ไม่มีอาการ เรามักจะไม่พบการติดเชื้อในเปอร์เซ็นต์ที่สูง เว้นแต่ว่าจะมีการพบผู้ป่วยที่ต่อเนื่องมาจำนวนมากและอยู่ในระยะเวลานานๆ ”
.
ส่วนกรณีของห้องแล็บ จ.ยะลา ที่รายงานผลว่าติดเชื้อ 40 คน อยู่ระหว่างการตรวจสอบสาเหตุโดยผู้เชี่ยวชาญ ส่วนการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต จะมีทีมผู้เชี่ยวชาญลงไปให้คำแนะนำ และวางมาตรฐานการตรวจวินิจฉัย ให้กลับมาอยู่ในระดับหรือขั้นตอนที่ถูกต้อง หลังจากที่มีการจัดการจุดที่มีความคลาดเคลื่อน
.
ขณะที่ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.รพ.จะนะ จ.สงขลา โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีนี้ตอนหนึ่งว่า “เหตุที่ห้องแล็บ รพ.ยะลา รายงานผลเป็นบวกนั้น เป็นความผิดพลาดทางเทคนิค เข้าใจว่าเกิดจากการปนเปื้อนของไวรัสโควิดในระบบเครื่องตรวจ RT- PCR ทั้งนี้ ในการตรวจพบว่า หลอดที่เป็นน้ำไม่มีตัวเชื้อ ที่เป็นตัว control (No Template Control) ซึ่งในการเดินเครื่อง PCR ทุกรอบก็ต้องมีการ control ด้วย NTC เสมอ นั้น ที่แล็บยะลาผลการทดสอบของ NTC เป็นบวกด้วย ซึ่งบอกถึงการปนเปื้อน จึงทำให้ไม่อาจตัดสินได้ว่า ผลการตรวจนั้นเป็นผลบวกจริง (true positive) หรือ ผลบวกลวง (false positive) จึงต้องตรวจใหม่ทั้งหมด”
https://www.facebook.com/supathasuwannakit/posts/734431527095644









