รมว.ยุติธรรม ยันไม่ปิดข่าว ผู้ต้องขัง ติดเชื้อโควิด-19 แจง เกิดจากคนเข้าใหม่

รมว.ยุติธรรม ยันไม่ปิดข่าว ผู้ต้องขัง ติดเชื้อโควิด-19 แจง เกิดจากคนเข้าใหม่

COVID-19

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แจงผู้ต้องขังติดโควิด-19 เยอะเหตุจากคนเข้าใหม่ เผยนายกฯ กำชับตลอดให้ดูแลอย่างดี ยืนยันไม่มีการปกปิดข้อมูล มีติดเชื้อระดับสีแดง 4 ราย เชื่อรับมือได้ เร่งจัดหายา-วัคซีนให้ผู้ต้องขังทุกคนแล้ว คาดเดือน มิ.ย. นี้ ได้ ขอเรือนจำทุกจังหวัดยกระดับป้องกัน

วันที่ 13 พ.ค. 2564 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นพ.วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ประชุมร่วมกัน พร้อมแถลงข่าวกรณีมีผู้ต้องขังในเรือนจำติดโควิด-19 จำนวนมาก

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า การป้องกันโควิด-19 ในเรือนจำ และผู้ต้องขังทั่วประเทศ แนวทางของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้กำชับตลอดให้หมั่นดูแลเอาใจใส่ เพราะหากติดเชื้อจะเกิดการลุกลามได้ง่าย ตอนที่รัฐบาลตั้งใหม่ๆ ตนเองมารับตำแหน่งรัฐมนตรียุติธรรม ตอนนั้นมีผู้ต้องขัง 390,000 คนทั่วประเทศ จึงใช้นโยบายลดการแออัดจนขณะนี้ เหลือไม่ถึง 310,000 คน เราเตรียมการแก้ปัญหาลดความแออัด จากก่อนผู้ต้องขัง 1 คน มีพื้นที่ไม่ถึง 1 ตร.ม. หากโควิด-19 เข้าไปจะยุ่งยาก ซึ่งตอนนี้ปรับจนได้ 1.2 ตร.ม. ตามมาตรฐานสากล

นอกจากนี้ กรมราชทัณฑ์ ได้ขอพระราชทานอภัยโทษให้กับผู้ต้องขังประพฤติดี ข้อหาไม่ร้ายแรงอีกหลายหมื่นคน และใช้การพักโทษพิเศษ สวมกำไล EM 50,000 คน ตอนนี้ติดกำไลแล้ว 20,000 คน รวมทั้ง ยังมีประมวลกฎหมายยาเสพติด ที่อยู่ระหว่างพิจารณารัฐสภา ซึ่งจะปรับอัตราโทษผู้ต้องขังยาเสพติดให้เหมาะสม จะลดผู้ต้องขังได้เกือบ 50,000 คน นี่คือความพยายามแก้ปัญหาลดความแออัดในเรือนจำ

ส่วนการตรวจหาเชื้อในเรือนจำ ทำได้อย่างรวดเร็ว เพราะได้รถพระราชทานตรวจโควิด-19  ทำให้ตรวจได้เร็ว ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น และเรามีการส่งข่าวให้ญาติของผู้ต้องขังทั้งหมดทราบ แต่มีจำนวนมากทำไม่ได้เร็ว ซึ่งตามมาตรฐานสากล ผู้คุม 1 คน จะดูแลผู้ต้องขัง 6 คน แต่สำหรับประเทศไทย อัตราส่วน คือ 1 ต่อ 33 เพราะเรามีบุคคลากรน้อย แต่เราทำงานเต็มที่

ปัจจุบันทุกคนเริ่มเข้าใจการทำงานของข้าราชการ ว่า เราทำงานเต็มที่ ซึ่งทุกเรือนจำข้างในเข้มงวดมาก แต่ 2 เรือนจำที่ติดเชื้อ เป็นเรือนจำที่รับผู้ต้องขังใหม่อยู่ตลอด ต่างจากเรือนจำอื่นๆ ส่วนการออกไปศาล เราได้ประสานกับศาลแต่ละจังหวัดแล้ว ขอให้งดไปในระยะนี้ก่อน เชื่อว่า ศาลจะเข้าใจ และสถานการณ์จะคลี่คลายได้

“ผมขอยืนยัน รัฐบาล โดยท่านนายกฯ สั่งกำชับ ประสานงานมาตลอด ให้ดูแลผู้ต้องขังทุกคนอย่างดี หากยาที่ได้จากสาธารณสุขไม่พอ ทางกรมราชทัณฑ์ จะจัดซื้อเองเพื่อรักษาทุกคน ขอให้ญาติผู้ต้องขังทุกคนสบายใจได้

นอกจากนี้ ยังมีการประสานจากแพทย์แผนไทย เรื่องการนำฟ้าทะลายโจรมาใช้ด้วย ยืนยันเราเตรียมพร้อมป้องกันเบื้องต้นมาตลอด” นายสมศักดิ์ กล่าว

ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ ยืนยันว่า ไม่มีการปิดข่าวผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด-19 และเปิดเผยข้อมูลทุกอย่างมาตลอด

ด้าน นพ.วีระกิตติ์ กล่าวว่า ไม่เคยมีการปิดบังข้อมูล รพ.ราชทัณฑ์ มีการตรวจตลอด ซึ่งต้องกรอกเลขบัตรประชาชนสามารถตรวจสอบได้ โดยในเดือนเม.ย. ตรวจพบเพียงหลักร้อยเท่านั้น โดยรพ.สามารถรองรับการตรวจเชื้อได้ทั้ง 2 เรือนจำ แต่อาจจะตรวจได้ช้า แต่เมื่อเราได้รถพระราชทาน จึงตรวจได้เร็วขึ้น และดำเนินการตามหลักการตรวจเชิงรุก 100% เพื่อแยกคนติดเชื้อออก

ก่อนหน้านี้ ที่เรือนจำนราธิวาส มีผู้ติดโควิด-19 แต่ตอนนี้ควบคุมได้แล้ว ส่วนที่อื่นๆ ดำเนินการตามสาธารณสุข ยังไม่พบ ซึ่งเราได้มีการปรับเพิ่มการกักตัวใหม่เป็น 21 วัน และตรวจเชื้อ 2 ช่วง คือ ตอนเข้าและหลังกักตัว และใช้ ราปิดเทสต์ (Rapid test) จะได้รวดเร็วในการคัดกรองมากขึ้น

ส่วนการจัดหาวัคซีนให้ผู้ต้องขัง ขณะนี้ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ลงนามอนุมัติจัดหาวัคซีนฉีดให้ผู้ต้องขังทั่วประเทศแล้ว คาดว่า จะได้ภายในเดือน มิ.ย. นี้ จะเริ่มฉีดกลุ่มเสี่ยงสูง ผู้ที่มีโรคประจำตัวก่อน โดยตอนนี้ฉีดให้ข้าราชการ ที่ต้องทำงานในกลุ่มเสี่ยงไปบ้างแล้ว เรื่องเหล่านี้เราได้เตรียมความพร้อมไปแล้ว

เมื่อถามว่า ต้นตอจากการติดเชื้อมาจากไหน มีการสืบสวนโรคได้อย่างไรบ้าง นายอายุตม์ กล่าวว่า ในส่วนของทัณฑสถานหญิงกลาง มาจากผู้ต้องขังเข้าใหม่ ส่วนเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มาจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งทุกคนที่ตรวจพบเชื้อได้ส่งรักษาแล้ว มีการจำแนกผู้ต้องขังที่ติดเชื้อทั้งหมด มีสีแดง 4 ราย มี 1 ราย ใช้เครื่องช่วยหายใจ เนื่องจากมีโรคประจำตัว ซึ่งเรายังใช้แนวทางบับเบิ้ลแอนด์ซีล และมีห้องกักโรคแยกชัดเจน ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ ได้ร่วมกับ สาธารณสุข ทำงานได้ทันเหตุการณ์ และได้แจ้งไปยังเรือนจำทั่วประเทศ ให้ควบคุมให้ดี

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรามีการสืบสวนโรคอยู่แล้ว หากผลออกมาเป็นอย่างไร จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ส่วนกรณีที่มีภาพหน้ากากที่บางมากในเฟซบุ๊กนั้น ได้สั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว หากอะไรที่เปิดเผยออกมาได้ ก็เปิดออกมาปัญหาจะจบ ในส่วนของญาติผู้ต้องขังที่ไม่สบายใจ เรายืนยันดูแลอย่างดี และจะส่งข่าวกับญาติผู้ต้องขัง ให้รับรู้ และมีช่องทางให้ญาติติดต่อกรมราชทัณฑ์ได้

 

TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง