ศบค. สรุปแนวทางการเปิดประเทศพิจารณาจาก 3 หลักปัจจัย ขณะที่ล่าสุดสถานการณ์โควิด-19 ภาคใต้แม้จะมีแนวโน้มลดลงแต่ยังต้องเฝ้าระวัง ขณะที่ จ.เชียงใหม่ ยังพบอีกหลายคลัสเตอร์ หวั่นช่วงวันหยุดยาว 4 วันทำยอดโควิดพุ่ง

วันที่ 20 ต.ค. 2564 พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค ในฐานะผู้ช่วยรองโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์ประจำวันพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8,918 ราย หายป่วยแล้ว 10,878 ราย ส่วนผู้ป่วยที่ยังรักษาอยู่ จำนวน 103,507 ราย เป็นผู้ป่วยอาการหนัก 2,728 ราย ซึ่งมีผู้ที่ใส่เครื่องช่วยหายใจ 619 ราย มีผู้เสียชีวิต 79 ราย
พญ.สุมนี กล่าวว่า สถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 จ.นราธิวาส จ.นครศรีธรรมราช ขยับอันดับลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ จ.เชียงใหม่ขยับขึ้น พบคลัสเตอร์ที่เชียงใหม่ ได้แก่ ตลาดเชียงใหม่ ที่ยังคงมีการแพร่ระบาดอยู่ และเชื่อมโยงไปถึงผู้ติดเชื้อที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ส่วนคลัสเตอร์อื่นๆ เช่น แรงงานไม้ตัดยาง, ร้านอาหาร และบ้านพักนักเรียนประจำ เป็นต้น ขอให้เชียงใหม่เพิ่มการเฝ้าระวัง โดยเฉพาะมาตรการส่วนบุคคลที่เข้มงวดขึ้น
คลัสเตอร์ที่สำคัญพบกระจายทั่วประเทศ คือ คลัสเตอร์งานศพ พบที่เลย อุดรธานี นครศรีธรรมราช และขอนแก่น ขอให้ย้ำให้มีการดูแลในพื้นที่ที่จัดงานศพ ทำการแยกชุดอาหาร และกลับไปรับประทานที่บ้าน เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ
สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้เพื่อควบคุมโรคในช่วง 2 สัปดาห์ที่มีการติดเชื้อในพื้นที่ชายแดนใต้เพิ่มขึ้นได้ส่งกำลังลงไปสอบสวนโรค ควบคุมโรค ให้บริการฉีดวัคซีน หากมีผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเรื้อรังนอนติดเตียงไม่สามารมารับบริการได้ให้แจ้งสาธารณสุขใกล้บ้านหรือผู้นำชุมชน จัดหน่วยงานลงไปฉีดที่บ้าน โดยที่ประชุมอีโอซี ของกระทรวงสาธารณสุขและ ศบค.ชุดเล็ก เพิ่มจำนวนวัคซีนลงไปภาคใต้ วันนี้ส่งไป 5.8 แสนโดส และจะทยอยส่งไปเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึง 1 ล้านโดส เพื่อให้ครอบคลุมประชากรตามเป้าหมาย
ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวว่า ช่วงวันหยุด 4 วันนี้ เชื่อว่าจะจะมีการเดินทางข้ามจังหวัดมากขึ้น ในการทำกิจการกิจกรรมใดขอให้ยังคงเข้มมาตรการส่วนบุคคลเอาไว้ ทั้งการสวมหน้ากากผ้า หน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลา ใช้แอลกอฮอล์เจลในการล้างมือ เว้นระยะห่าง เน้นมาตรการป้องกันสูงสุดแบบครอบจักรวาล ถือเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างมาก เพราะนอกเหนือจากการได้รับวัคซีนครบแล้ว มาตรการส่วนบุคคลจะทำให้เราลดการติดโรคโควิด-19 และลดการแพร่โรคไปให้คนอื่นได้ด้วย

พญ.สุมนี กล่าวถึงข้อสรุปในการเปิดประเทศว่ามีการประชุมเตรียมการเปิดประเทศอย่างต่อเนื่อง เพราะต้องวางแผนรอบคอบ โดยเป้าหมายหลักของเปิดประเทศแล้ว คือ ประชาชนต้องได้รับปลอดภัย และมีระบบสาธารณสุขรองรับเมื่อต้องใช้แผนเผชิญเหตุหรือเกิดเหตุไม่คาดฝัน โดยจะมารายงานผลเป็นระยะ
ทั้งนี้ ข้อ3สรุปการเปิดประเทศพิจารณาจากหลัก ปัจจัย คือ มาตรการสาธารณสุข, ภาคเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง และความสอดคล้องมาตรการระหว่างประเทศต้นทางและไทย เช่น การเข้าออกประเทศ
ส่วนมีรูปแบบการเข้าประเทศ 3 แบบ คือ
1.เข้าในสถานที่กักกันที่รัฐกำหนด ทั้งกลุ่มคนไทยหรือต่างชาติที่รับวัคซีนไม่ครบ ต้องกัก 7 วัน 10 วัน หรือ14 วัน ตามแต่กรณี
2.รูปแบบแซนด์บ็อกซ์ พื้นที่นำร่องท่องเที่ยว 17 จังหวัด
3. เข้าแบบไม่กักตัวโดยรูปแบบที่ 2 และ 3 มีเงื่อนไขว่าต้องได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว และคุณสมบัติผู้เข้ามาในประเทศ นอกจากรับวัคซีนครบ ต้องมีผลตรวจหาเชื้อจากประเทศต้นทาง 72 ชั่วโมงไม่พบเชื้อ มีประกันสุขภาพ 5 หมื่นเหรียญสหรัฐ มาถึงไทยก็ต้องตรวจ RT-PCR ซ้ำเมื่อผลกาตรวจเป็นลบจึงเดินทางต่อไปได้










