สธ.คัดกรองเข้มข้นผู้เดินทางเข้าประเทศ ย้ำไทยไม่ประมาท ‘โอไมครอน’ อธิบดีกรมควบคุมโรคคาดแนวโน้มความรุนแรงของโรคจะลดลง
วันที่ 9 ธ.ค. 2564 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงความรุนแรงของโควิดสายพันธุ์โอไมครอนแนวโน้มความรุนแรงของโรคน่าจะลดลง แต่ต้องดูสถานการณ์ไปอีกระยะหนึ่งก่อนเพื่อความไม่ประมาทจะต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แม้องค์การอนามัยโลกจะออกมาระบุว่า โอไมครอนรุนแรงน้อยกว่าเดลต้าและยังไม่พบผู้เสียชีวิต แต่ไทยก็ต้องเฝ่าระวัง เพราะผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่มีอาการ หรือ มีอาการน้อย คล้ายไข้หวัด ซึ่งลักษณะการแพร่ระบาดในหลายประเทศขณะนี้มี 2 แบบ คือ แพร่ระบาดจากการติดเชื้อในประเทศ และแพร่ระบาดจากการติดเชื้อมาจากผู้เดินทาง
อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า เชื้อโควิด-19 มีการกลายพันธุ์ไปเรื่อยๆ เมื่อมีคนติดเชื้อจำนวนมากขึ้นก็จะมีภูมิคุ้มกันโดยธรรมชาติเพิ่มขึ้น หากฉีดวัคซีนในจำนวนที่มากขึ้นก็จะมีภูมิคุ้มกันในระดับหนึ่ง ทำให้ความรุนแรงของโรคลดน้อยลง สำหรับการแพร่ระบาดของโอไมครอนจะแพร่เชื้อผ่านละอองฝอยน้ำลายเป็นหลัก ยืนยันว่ายังไม่มีการติดเชื้อผ่านทางอากาศ
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าววานนี้ว่า สถานการณ์โควิด-19 มีแนวโน้มดีขึ้น ส่วนผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนที่เดินทางเข้าประเทศได้นำเข้าสู่ระบบรักษา พร้อมขยายผลสอบสวนโรคผู้ที่มีประวัติใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อรายนี้ทุกคนและตรวจสอบหาเชื้อ ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม แต่จะติดตามต่อเนื่องจนครบระยะการฟักตัวของโรค ยืนยัน กระทรวงสาธารณสุขดำเนินมาตรการป้องกันควบคุมโรคอย่างต่อเนื่อง มีระบบคัดกรองที่เข้มข้น ผู้เดินทางเข้าประเทศต้องมีหลักฐานการฉีดวัคซีนที่ไทยยอมรับครบถ้วน มีผลตรวจ RT-PCR เป็นลบก่อนขึ้นเครื่อง 72 ชั่วโมง และเมื่อมาถึงไทย ต้องได้รับการตรวจซ้ำ ด้วยวิธี RT-PCR หากผลเป็นลบจึงจะสามารถเดินทางต่อไปได้
