ศบค. แจงแผนฉีดฉีดวัคซีนในเด็ก 5-11 ปี เผยวัคซีนไฟเซอร์ล็อตแรกมาถึงไทยพรุ่งนี้ ฉีดให้เด็กที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรคก่อน จากนั้นเป็นคิวเด็กนักเรียนเริ่มจาก ป.1 ศธ.พร้อมฉีดเข็มแรก 1 ก.พ.นี้
วันที่ 25 ม.ค. 2565 พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค ในฐานะผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวถึงความคืบหน้าการฉีดวัคซีนในเด็กอายุ 5 – 11 ปีว่า สำหรับแผนการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) สำหรับเด็กในประเทศไทย วัคซีนสำหรับเด็กได้รับการอนุมัติให้ใช้แล้วเป็นวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีส้มใช้เฉพาะเด็ก
ล็อตแรกจะมาถึงประเทศไทยพรุ่งนี้ (26 ม.ค. 2565) จะฉีดให้เด็กที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรคที่ไม่สามารถรับการฉีดวัคซีนผ่านระบบสถานศึกษา โดยให้กุมารแพทย์เป็นผู้พิจารณาฉีด
ล็อตถัดไป ดำเนินการผ่านระบบสถานศึกษา จัดสรรให้เด็กนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในทุกจังหวัดเป็นอันดับแรก
หลังจากนั้นจัดสรรให้นักเรียนชั้นปีอื่นถัดไปตามลำดับ คือ การจัดสรรวัคซีนเป็นไปตามสัดส่วนของนักเรียนในแต่ละจังหวัด
มีการสำรองวัคซีนในส่วนกลางไว้ใช้กรณีฉุกเฉินหรือมีการระบาดในพื้นที่ และการจัดสรรวัคซีนสำหรับการฉีดในสถานพยาบาล ให้ใช้สำหรับเด็กป่วย หรือเด็กที่เรียนผ่านระบบ Homeschool เท่านั้น
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับวัคซีนไฟเซอร์ ฝาสีส้มสำหรับเด็ก ชื่อทางการค้า คือ Comirnaty เป็นวัคซีนชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA vaccine) กระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีในกรณีที่มีการกลายพันธุ์ของไวรัส
จะปรับปรุงวัคซีนได้ง่าย มีข้อมูลการศึกษาและใช้จริงในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศในทวีปยุโรป พบประสิทธิภาพสูงมาก มีอาการข้างเคียงพบได้บ่อย แต่ส่วนใหญ่ไม่รุนแรง เช่น ปวดบวมแดงบริเวณที่ฉีด
คลื่นไส้ ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ มีไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย ปวดข้อ มีผื่น เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีใหม่ จึงทำให้มีความกังวลถึงผลข้างเคียงในระยะยาว
ขนาดต่อโดส: วัคซีนไฟเซอร์ส าหรับเด็กอายุ 5 –11 ปีบรรจุในขวดแก้ว “ฝาขวดและฉลากสีส้ม”
สำหรับใช้หลายโดส (Multiple Doses Vial) หลังจากเจือจางแล้ว 1 ขวดวัคซีนประกอบด้วยวัคซีน 10 โดส โดสละ 10 ไมโครกรัม ใน 0.2 มิลลิลิตร
วิธีการฉีด: เข้าชั้นกล้ามเนื้อ (Intramuscular injection)
ด้านกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยไทม์ไลน์ความพร้อมการบริการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่เด็กอายุ 5 ปี ไม่เกิน 12 ปี หรือ 11 ปี 11 เดือน 29 วัน คาดว่าจะเริ่มฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ในวันที่ 1 ก.พ.นี้ และเข็มที่ 2 จะฉีดในวันที่ 26 ก.พ. 2565 เป็นต้นไป
