โอไมครอน BA.2 ขยายตัวเร็ว พบ 9 ประเทศติดเชื้อเกินแสนคนต่อวัน แพทย์จุฬาฯ แนะไทยตระหนักถึงความรุนแรงที่มีต่อเนื่องย้ำตัวเลขการติดเชื้อยืนยันรายวันไม่ได้สะท้อนสถานการณ์จริง
วันที่ 2 ก.พ. 2565 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยแพร่ข้อความเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 โอไมครอนซึ่งวันนี้พบผู้ติดเชื้อทะลุ 381 ล้านคนไปแล้ว ขณะที่เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มสูงถึง 2,772,231 คน ตายเพิ่ม 10,551 คน รวมแล้วติดไปรวม 381,675,279 คน เสียชีวิตรวม 5,702,904 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ฝรั่งเศส อเมริกา เยอรมัน บราซิล และอินเดีย จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมกันคิดเป็นร้อยละ 86.1 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 81.7
รศ.นพ.ธีระ ระบุว่า ล่าสุดจำนวนติดเชื้อใหม่จากทวีปยุโรปนั้นคิดเป็นร้อยละ 54.7 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 31.84 เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปครอง 6 ใน 10 อันดับแรก และ 10 ใน 20 อันดับแรกของโลก

• ภาพรวมการระบาดของโควิดโอไมครอน (Omicron)
จำนวนติดเชื้อเฉลี่ยต่อวันนั้นสูงขึ้นกว่าระลอกก่อนมาก เมื่อวานมีถึง 9 ประเทศ ที่มีการติดเชื้อเพิ่มเกิน 100,000 คนขึ้นไป และมีถึง 40 ประเทศที่เกิน 10,000 คนขึ้นไป องค์การอนามัยโลกออกรายงาน WHO Weekly Epidemiological Update เมื่อวานนี้ 1 กุมภาพันธ์ 2565
สาระสำคัญมีดังนี้
โอไมครอนขณะนี้ครองการระบาดทั่วโลก โดยมีสัดส่วนสูงถึง 93% ของการตรวจสายพันธุ์ทั้งหมดในรอบเดือนที่ผ่านมา สายพันธุ์ดั้งเดิมของโอไมครอน คือ BA.1 และ BA.1.1 นั้นยังเป็นสายพันธุ์หลัก โดยมีสัดส่วน 96% ของทั้งหมด
ทั้งนี้ สายพันธุ์ที่กลายพันธุ์คือ BA.2 ที่เรียกกันว่า Stealth variant นั้นตรวจพบแล้วทั่วโลกถึง 57 ประเทศ และพบว่าขยายตัวเร็วมากขึ้นหลายประเทศในทวีปยุโรปและเอเชีย

• ข้อมูลวิชาการปัจจุบันพบว่า BA.2 มีแนวโน้มที่จะแพร่เชื้อไวกว่า BA.1
BA.2 นั้นแตกต่างจาก BA.1 โดยมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งกรดอะมิโนไปราว 40 ตำแหน่ง หากสังเกตให้ดีจะพบว่าโอไมครอนทั้ง BA.1 และ BA.2 นั้นแตกต่างจากเดลตาอย่างมากในส่วนของ Receptor binding domain (RBD) แต่หากเทียบระหว่าง BA.1 กับ BA.2 จะมีความคล้ายกันมากในส่วน RBD แต่จะไปแตกต่างกันมากในส่วนปลายคือ Near terminal domain (NTD)
อย่างไรก็ตามจำเป็นต้องรอผลการศึกษาเกี่ยวกับความรุนแรงของโรคและโอกาสการติดเชื้อซ้ำ รวมถึงการดื้อต่อภูมิคุ้มกัน ว่า BA.2 จะต่างจาก BA.1 มากน้อยเพียงใด แม้ปัจจุบันจะเชื่อว่าน่าจะดื้อต่อภูมิคุ้มกันไม่ต่างกัน
…หากดูภาพความชุกของการระบาดของสายพันธุ์ทั้งเดลตาและโอไมครอนประเทศไทยเราสีเข้มมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ หลายประเทศ ตอกย้ำให้เราตระหนักถึงสถานการณ์ระบาดว่ายังรุนแรงต่อเนื่อง ตัวเลขการติดเชื้อยืนยันรายวัน ไม่ได้สะท้อนสถานการณ์จริง เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยที่ตรวจ ATK ได้ผลบวก และไม่ได้ตรวจ RT-PCR โดยไม่ได้นำมารวมรายงาน ทั้งๆ ที่แนวทางปัจจุบันได้แนะนำให้คนที่ตรวจ ATK ได้ผลบวกทำการกักตัวและดูแลรักษาตามขั้นตอน
ดังนั้น รายงานของทางการแต่ละวันควรทำการรายงานข้อมูลทั้ง RT-PCR และ ATK ให้ครบถ้วน เพื่อที่จะทำให้ประชาชนทราบสถานการณ์ใกล้เคียงมากขึ้น
ใส่หน้ากาก เว้นระยะห่างจากคนอื่น พบปะคนเท่าที่จำเป็น ใช้เวลาสั้นๆ เลี่ยงการกินดื่มหรือแชร์ของกินของใช้ร่วมกับผู้อื่น หากไม่สบายควรรีบตรวจรักษา
ปัญหาในอนาคตที่จะเกิดขึ้นต่อทั้งตัวบุคคล ครอบครัว และระบบสาธารณสุขคือ เรื่องภาวะอาการคงค้างระยะยาว หรือ Long COVID ไม่ติดเชื้อย่อมดีที่สุด
ที่มา : https://www.facebook.com/thiraw/posts/10223829722243471










