ศบค.เผยไทยติดโควิด-19 ลดลงทั้งผู้ติดเชื้อใหม่และผู้ป่วยหนัก แนะเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เปิดเทอม พ.ค.นี้ไม่บังคับตรวจ ATK แต่เน้นย้ำมาตรการเข้ม Thai stop Covid
วันที่ 5 พ.ค. 2565 พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. รายงานสถานการณ์โรคโควิด-19 ประเทศไทยว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกับทั่วโลก จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่มีทิศทางลดลงวันนี้พบผู้ติดเชื้อจากการตรวจด้วย RT-PCR จำนวน 9,790 ราย ตรวจ ATK ติดเชื้อ 8,728 ราย อัตราการครองเตียงของผู้ป่วยอาการปานกลาง-อาการหนักลดลงอยู่ที่ 20.1% ผู้ป่วยปอดอักเสบยังมีตัวเลขทรงๆ ยกเว้น 2 จังหวัดมีผู้ป่วยปอดอักเสบเพิ่มขึ้น คือ อุดรธานี 56 ราย และขอนแก่น 51 ราย
พญ.สุมนี กล่าวถึงจำนวนผู้เสียชีวิตวันนี้ ที่เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 หรือ Die from Covid-19 มีทั้งหมด 54 ราย 98% เป็นกลุ่มที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปและมีโรคเรื้อรัง และพบว่า 61% ยังไม่เคยฉีดวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว 30% ได้วัคซีน 2 เข็ม ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขตั้งเป้าหมายที่จะฉีดวัคซีน กลุ่มผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปในเข็มกระตุ้นให้ได้ 60%
สำหรับการฉีดวัคซีนในเด็กที่ผ่านมาฉีดวัคซีนในเด็กเล็ก 5-11 ปีไปแล้วกว่า 2.7 ล้านโดส ซึ่งยังไม่พบผลข้างเคียงใดๆ เมื่อยังพบว่าเด็กมีการติดโควิด-19 อย่างต่อเนื่องวัคซีนจึงเป็นสิ่งสำคัญ ขอให้ผู้ปกครองพาเด็กไปฉีดวัคซีนก่อนเปิดเทอมให้ได้มากที่สุด
• ย้ำเปิดเทอมใช้มาตรการ Thai Stop Covid 2 Plus
พญ.สุมนี เน้นย้ำมาตรการป้องกันโรคก่อนเปิดเทอมเดือน พ.ค.นี้ โดยขอความร่วมมือสถานศึกษาให้เปิดเรียน ภายใต้มาตรการ Thai stop Covid 2 Plus ของกรมอนามัยพร้อมระบุว่า การตรวจ ATK นักเรียนก่อนไปเรียนนั้นไม่ได้เป็นข้อบังคับจากกระทรวงศึกษาธิการ แต่ทางโรงเรียนควรประเมินอาการนักเรียนอย่างใกล้ชิด หากมีอาการสามารถให้นักเรียนตรวจ ATK ที่บ้านก่อน ถ้าติดเชื้อก็ไม่ต้องไปโรงเรียนให้รักษาตัวที่บ้าน ยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องตรวจ ATK ทุกสัปดาห์ แต่ให้ตรวจเมื่อมีอาการหรือสงสัย
อย่างไรก็ตาม ต้องเน้นย้ำการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุดทั้งเด็กเล็กและเด็กโต สำหรับเด็กอายุ 12-17 ปี ต้องได้รับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ได้มากที่สุด สำหรับเด็กเล็กควรไปฉีดวัคซีนให้ครบโดสโดยเร็ว ซึ่งที่ผ่านมามีการฉีดวัคซีนในเด็กเล็ก 5-11 ปีไปแล้ว กว่า 2.7 ล้านโดส ซึ่งยังไม่พบผลข้างเคียงใดๆ และขอความร่วมมือผู้ปกครองนำเด็กไปฉีดวัคซีนให้ครบโดสก่อนเปิดเทอมด้วย
