ศบค.มีมติปลดล็อกมาตรการคุมโควิด-19 ทั่วประเทศ

ศบค.มีมติปลดล็อกมาตรการคุมโควิด-19 ทั่วประเทศ

COVID-19

วันนี้ (17 มิ.ย. 2565) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงสรุปผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่มีมติให้ผ่อนคลายมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 ในประเทศให้เป็นสีเขียวสามารถมีกิจการ กิจกรรมผ่อนคลายได้เต็มที่ สาระสำคัญคือ

1) พื้นที่สถานการณ์ ปรับระดับพื้นที่สถานการณ์เป็นระดับเฝ้าระวัง (สีเขียว) ทั้งประเทศ ยกเลิกการกำหนดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว

2) มาตรการการใส่หน้ากาก ควรสวมหน้ากาก และให้สวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่แออัด สถานที่ปิด หรือมีการอยู่ใกล้ชิดกับคนจำนวนมาก

3) การบริโภคสุราหรือแอลกอฮอล์ในร้านอาหารในพื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่เฝ้าระวัง ให้เปิดบริการได้ตามปกติโดยต้องปฏิบัติมาตรการป้องกันโรค รวมทั้งกฎหมาย กฎ หรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง

4) สถานประกอบการประเภทสถานบันเทิง ฯลฯ เปิดให้บริการและให้ผู้รับบริการดื่มแอลกอฮอล์ได้ในพื้นที่เฝ้าระวัง โดยเปิดให้บริการตามกฎหมายเดิมกำหนด

5) การเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว ผ่อนคลายให้การดำเนินการเป็นไปตามปกติ

6) การคัดกรองอุณหภมิ ไม่มีความจำเป็นต้องคัดกรองอุณหภูมิในอาคารสถานที่ (อาจให้มีการคัดกรองอุณหภูมิในสถานที่เสี่ยงหรือพื้นที่ระบาด)

7) การเว้นระยะห่าง แนะนำให้มีการเว้นระยะห่างตามความเหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่โรค

8) มาตรการการรวมกลุ่ม ตรวจคัดกรอง ATK กรณีเป็นผู้ป่วยสงสัยที่มีอาการทางเดินหายใจ หากมีการรวมกลุ่มมากกว่า 2,000 คน ขอให้แจ้งทางคกก.โรคติดต่อจ./กทม.ทราบ เพื่อเฝ้าระวังการระบาด

ศบค. เห็นชอบข้อเสนอเพื่อผ่อนคลายมาตรการป้องกันควบคุมโรคสำหรับการเดินทางเข้าประเทศ ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2565 ดังนี้

1) การยกเว้นการลงทะเบียน Thailand Pass หรือ CoE ของคนต่างชาติ โดยขอให้สำแดงเอกสารวัคซีนหรือผลการตรวจหาเชื้อแบบต่าง ๆ โดยให้มีการสุ่มตรวจเอกสาร ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศ

2) ยกเลิกมาตรการคัดกรองอุณหภูมิ ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศ

3) ยกเลิกการกำหนดเงินประกัน (ส่งเสริมการซื้อประกัน)

ศบค. เห็นชอบ (ร่าง) ข้อเสนอเพื่อผ่อนคลายมาตรการสังคม ชุมชน และองค์กรเปลี่ยนผ่านสู่ระยะ Post-pandemic ดังนี้

1. สำหรับประชาชนกลุ่มเฉพาะ
– กลุ่ม 608 ที่ไม่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ ควรสวมหน้ากาก เมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่น
– ผู้ติดเชื้อ /ผู้สัมผัส เสี่ยงสูง ให้สวมหน้ากากตลอดเวลา เมื่อจำเป็นต้องอยู่ร่วมกับบุคคลอื่น

2. สำหรับประชาชนทั่วไป / ผู้ใช้บริการ

– สถานที่ภายนอกอาคาร ที่โล่งแจ้ง ให้สวมหน้ากาก เมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่น โดยไม่สามารถเว้นระยะห่าง มีความแออัด มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก หรือ มีการระบายอากาศไม่ดี เช่น ขนส่งสาธารณะ ตลาด สนามกีฬาหรือสถานที่แสดงดนตรีที่มีผู้ชม ฯลฯ

– สถานที่ภายในอาคาร ให้สวมหน้ากาก โดยสามารถถอดหน้ากาก กรณี • อยู่คนเดียว • หากอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นที่ไม่ได้อาศัยอยู่ที่พำนักเดียวกันต้องสามารถเว้นระยะห่างได้ ไม่รวมกลุ่มแออัด และอยู่ในที่ระบายอากาศได้ดี • มีกิจกรรมที่จำเป็นต้องถอดหน้ากาก เช่น รับประทานอาหาร ออกกำลังกาย บริการบริเวณใบหน้า ศิลปะการแสดง ฯลฯ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เมื่อกิจกรรมนั้นเสร็จสิ้น ควรสวมหน้ากากทันที

ทั้งนี้ มาตรการที่ ศบค. เห็นชอบในวันนี้ จะนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะจัดทำรายละเอียดออกเป็นข้อกำหนดประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป

โฆษก ศบค. บอกว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณในการทำงานร่วมกันและชื่นชมในสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายลง โดยนายกรัฐมนตรีพร้อมรับฟังและขอบคุณทุกฝ่ายที่ได้ร่วมให้ข้อคิดเห็นต่าง ๆ ประชุมปรึกษากันเพื่อเป็นทางออกให้ประชาชนสามารถดูแลตัวเองและผ่านพ้นสถานการณ์ไปได้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีต้องการเห็นภาพของการทำงานร่วมกันระหว่างประเทศ และนำประชาชนไปสู่อนาคตที่ดี แสดงให้เห็นศักยภาพของประเทศไทยที่จะมีความพร้อมในการดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทย เกิดความเชื่อมั่นด้านสาธารณสุข รวมถึงการค้าการลงทุน และด้านอื่น ๆ ที่จะตามมาด้วย

TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง
ศบค.มีมติปลดล็อกมาตรการคุมโควิด-19 ทั่วประเทศ