ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.นี้เป็นต้นไปโรงพยาบาลทุกแห่งสามารถจัดซื้อยาต้านโควิด-19 ได้เองโดยตรงทั้ง ยาฟาวิพิราเวียร์, ยาโมลนูพิราเวียร์ และยาอื่นๆ โดยมีเงื่อนไขว่ายาที่สั่งซื้อมานั้นต้องเป็นผู้รับอนุญาต และนำข้อมูลงานวิจัยจากผู้ผลิตมาขึ้นทะเบียนยา รวมถึงขึ้นทะเบียนแล้วจึงจะสามารถนำเข้าได้

นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า การนำเข้ายารักษาโควิด-19 โดยเฉพาะโมลนูพิราเวียร์จากต่างประเทศมาขายผ่านระบบออนไลน์ในไทย ตามกฎหมายแล้วถือเป็นยาเถื่อน เพราะไม่ได้ขึ้นทะเบียน อย. แม้จะเป็นยาจริง แต่ไม่สามารถจำหน่ายได้
สำหรับหลักการนำเข้ายาที่ผลิตจากต่างประเทศตาม พ.ร.บ.ยา คือ
1. ผู้จะนำเข้าต้องเป็นผู้รับอนุญาตก่อน โดยหลักต้องเป็นผู้มีอาชีพเกี่ยวข้องกับการแพทย์ มีสถานที่เก็บยา มีเภสัชกรปฏิบัติงาน
2. ผู้รับอนุญาตจะนำเข้ายาตัวใดต้อง นำข้อมูลงานวิจัยจากผู้ผลิตมาขึ้นทะเบียนยา
3. เมื่อยาดังกล่าวได้รับการขึ้นทะเบียนแล้วสามารถนำเข้ายามาได้
ปัจจุบัน อย.ได้ออกทะเบียนให้เอกชนแล้ว 3 ใบ อนุญาตใช้ใน รพ.ทั้งรัฐและเอกชน โดยล่าสุดปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา อย.เพิ่งอนุมัติให้ใช้ในคลินิกได้ โดยจะเป็นแพทย์ประจำคลินิกวินิจฉัยและจ่ายยา ไม่ใช่ซื้อขายยา สำหรับการอนุมัติให้ไปอยู่ในร้านขายยาก็ต้องซื้อ มาจากผู้รับอนุญาตที่ขึ้นทะเบียนด้วยเช่นกัน แต่ยังต้องจ่ายด้วยแพทย์ผู้ที่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม
ขณะที่นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เน้นย้ำให้ประชาชนรับยาจากช่องทางที่ถูกกฎหมาย ซึ่งผ่านการนำเข้าหรือผลิตจากผู้รับอนุญาตด้านยาเท่านั้น จึงจะสามารถยืนยันได้ถึงความปลอดภัย เนื่องจากผู้ได้รับอนุญาตจะมีระบบการประกันคุณภาพยาตามมาตรฐานสากล การซื้อยาจากแหล่งที่ไม่รู้ที่มาที่ไป หรือผู้ขายที่ไม่ใช่ผู้รับอนุญาตด้านยา ผู้ป่วยอาจได้รับยาที่ผลิตจากโรงงานที่ไม่มีมาตรฐานการผลิตยาที่ดี (Good Manufacturing Practice ; GMP) รวมทั้งอาจได้รับยาปลอมหรือยาที่ไม่มีคุณภาพ นอกจากจะเสียเงินโดยใช่เหตุแล้ว อาจเสียโอกาสในการรักษาที่ถูกต้อง
เช็กผลิตภัณฑ์ที่จดทะเบียนกับ อย. https://oryor.com/%E0%B8%AD%E0%B8%A2/index/check_product










