ไทยยังไม่พบโควิด BA.4.6 สธ.เผย BA.4 – BA.5 ครองพื้นที่ระบาดมากสุดในประเทศ ยืนยันปลดล็อกโรงพยาบาลทุกแห่งรวมถึงคลินิกซื้อยาต้านไวรัสตรงได้ เป็นไปตามแผน

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงการปลดล็อกให้สถานพยาบาลทุกแห่งสามารถจัดหาและจัดซื้อยารักษาโควิด-19 ได้เองโดยตรงว่า เรื่องนี้เตรียมการมากว่า 3-4 เดือน การให้สถานพยาบาลจัดซื้อยาเองนั้นก็เพื่อสะดวกในการบริหารจัดการ ไม่ใช่ใครมาเรียกร้องแล้วก็เปลี่ยนแปลงทันที
พื้นที่ที่มีปัญหาอย่างกรุงเทพฯ ไม่มีโรงพยาบาลส่งเสริมตำบล (รพ.สต.) สถานพยาบาลที่จะเข้าใกล้ผู้ป่วยมากที่สุดกลับเป็นคลินิก และโรงพยาบาลเอกชน ผิดกับต่างจังหวัดไม่มีปัญหาเรื่องยา เพราะมี รพ.สต. ยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงการจัดซื้อยานี้ครอบคลุมทุกสถานพยาบาลทุกสังกัด รวมถึงคลินิก เริ่มวันที่ 1 กันยายนนี้ โดยการกระจายยาในลักษณะนี้ก็เหมือนกับไข้หวัดใหญ่ที่มีการกระจายทามิฟูลให้ทุกสถานพยาบาล และคลินิกยกเว้นร้านขายา

- โอไมครอน 4- BA.5 ครองพื้นที่ระบาดมากสุดในประเทศ
ด้านนพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวถึงจากการเฝ้าระวังการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19 ว่า ช่วงวันที่ 30 กรกฏาคม – 5 สิงหาคม 2565 เชื้อที่ระบาดในประเทศไทยส่วนใหญ่เปลี่ยนจากโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 เป็นสายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 เรียบร้อยแล้ว
สายพันธุ์ BA.4 และ BA.5 คิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ 92 ในพื้นที่กรุงเทพฯ และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 80 ในภูมิภาค เมื่อดูแยกเฉพาะ BA.4 และ BA.5 พบว่า BA.5 มีสัดส่วนที่มากกว่าแสดงว่า BA.5 เร็วกว่า BA.4 คิดเป็น 4 ต่อ 1 แต่โดยรวมยังสรุปไม่ได้ว่า BA.5 แรงกว่า BA.1 และ BA.2 แค่ไหนเพราะส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ BA.4 BA.5 แล้วจึงเทียบไม่ได้ แต่ว่าน่าจะไม่ต่างกันมากนัก
ส่วนกรณีสายพันธ์ BA.2.75 ที่เคยเป็นประเด็นในอินเดียและไทยเคยพบแล้ว 1 ราย ล่าสุดพบเพิ่ม รวมเป็น 5 ราย ในจำนวนนี้มีรายเดียวที่อาการหนักต้องเข้า ICU ใส่เครื่องช่วยหายใจ เพราะไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเลย เป็นชายจังหวัดสงขลา อายุ 62 ปี จึงขอย้ำเตือนเรื่องการรับวัคซีนเป็นเรื่องจำเป็นและควรรับเข็มกระตุ้นต่อเนื่องทุก 3-4 เดือน ส่วนจะมีสายพันธุ์นี้มากหรือไม่ในไทยจะทำการตรวจระดับพื้นที่เพิ่มในทุกสัปดาห์ ซึ่งตั้งแต่สัปดาห์ห้องปฏิบัติการในพื้นที่จะสามารถตรวจเชื้อนี้ได้เอง
อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยืนยันว่า สายพันธุ์ย่อย BA.4.6 เป็นสายพันธุ์ย่อยที่พบมานานแล้ว แต่เมื่อเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา พบตัวเลขผู้ป่วยสายพันธุ์นี้สูงขึ้นในบางประเทศ เช่น อังกฤษ อเมริกา แต่จนถึงขณะนี้องค์การอนามัยโลกยังไม่ได้จัดอันดับใด ๆ และประเทศไทยก็ยังไม่พบเชื้อนี้ในประเทศจึงต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง










