แพทย์จุฬาฯ เผยผลงานวิจัยต่างประเทศพบโควิด-19 สายพันธุ์ย่อยของโอไมครอนในปัจจุบันดื้อยาและหลบภูมิคุ้มกันมากที่สุด ล่าสุดองค์การอนามัยโลกออกมาเตือนเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ทั่วโลกเป็นขาขึ้นของการระบาดโควิด ขอประชาชนป้องกันตัวด้วยวิธีต่างๆ
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความรู้ถึงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันที่ 8 ธันวาคม 2565 ว่าเมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 405,877 คน ตายเพิ่ม 810 คน รวมแล้วติดไป 651,304,942 คน เสียชีวิตรวม 6,650,737 คน ติดเชื้อมากที่สุด 5 อันดับคือ ญี่ปุ่น, ฝรั่งเศส, เกาหลีใต้, สหรัฐอเมริกา และไต้หวัน
จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 9 ใน 10 อันดับแรก และ 14 ใน 20 อันดับแรกของโลก จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 91.43 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 79.13
รศ.นพ.ธีระ อัปเดตสายพันธุ์ย่อยของโอไมครอน จาก Akerman A และคณะ มหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย เผยแพร่ผลการศึกษาใน medRxiv เมื่อวานนี้ (7 ธันวาคม 2565) สาระสำคัญคือ
สายพันธุ์ย่อยของโอไมครอน Omicron ที่เกิดขึ้นทั่วโลกในปัจจุบันนั้น ทั้ง BQ.1.1 ที่ระบาดมากในยุโรปและอเมริกา, XBB.1 ที่ระบาดมากในแถบเอเชีย, และ BR.2.1 ขณะนี้พบมากในออสเตรเลียนั้น ทั้งสามตัวล้วนมีสมรรถนะในการแพร่ระบาดสูงกว่าสายพันธุ์ BA.2.75 และถือเป็น 3 สายพันธุ์ที่ดื้อต่อภูมิคุ้มกันมากที่สุด นอกจากนี้ยังดื้อต่อยาแอนติบอดี้ที่ใช้ในการรักษาอีกด้วย
ผลการศึกษาดังกล่าวชี้ให้เห็นความสำคัญของการป้องกันการแพร่ระบาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะนี้ไทยมีการติดเชื้อจำนวนมาก และมีรายงานทางการที่ระบุว่าสายพันธุ์หลักที่ระบาดปัจจุบันคือ BA.2.75 ดังนั้นในอนาคตอันใกล้ ย่อมมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดการแพร่ระบาดจากสายพันธุ์ต่างๆ ข้างต้น ซึ่งมาจากการเดินทางและท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่มีจำนวนมาก
“การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นนั้นมีความจำเป็น เหนืออื่นใด การใส่หน้ากากอย่างถูกต้อง ควรปฏิบัติอย่างเป็นกิจวัตร ป้องกันตัวไม่ให้ติดเชื้อ หรือไม่ให้ติดเชื้อซ้ำ ย่อมดีที่สุด” รศ.นพ.ธีระ ย้ำเตือน
https://www.facebook.com/thiraw/posts/pfbid06jVqTyYCs4tPKiecXqa695yLjvd5A6rXesSBJsHWp4uZE3rQDT1yKPAnP8WFFDeyl
คำเตือนจากองค์การอนามัยโลก
Dr.Maria Van Kerkhove ซึ่งเป็น COVID-19 Technical Lead ขององค์การอนามัยโลก ได้ออกมาเน้นย้ำเมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา ว่าขณะนี้ทั่วโลกเป็นขาขึ้นของการระบาด ทำให้มีคนป่วยเข้าโรงพยาบาลมากขึ้น แต่ละประเทศจำเป็นต้องหาทางควบคุมการระบาด กระตุ้นเตือนให้ประชาชนป้องกันตัวด้วยวิธีต่างๆ และจัดระบบบริการให้ประชาชนเข้าถึงบริการดูแลรักษาและป้องกันได้อย่างทั่วถึง เพื่อรักษาชีวิต ป้องกันความสูญเสีย และป้องกันปัญหาระยะยาวหลังจากติดเชื้ออย่าง “Long COVID”
การใช้ชีวิตอย่างมีสติ ไม่ประมาท เลี่ยงการกินดื่มคลุกคลีใกล้ชิดคนอื่น เลี่ยงที่แออัดระบายอากาศไม่ดี หากไม่สบายควรแยกตัวจากผู้อื่นอย่างน้อย 7-10 วันจนกว่าอาการดีขึ้น ไม่มีไข้ และตรวจ ATK ซ้ำแล้วได้ผลลบ สำคัญที่สุดคือ การใส่หน้ากากอย่างถูกต้องสม่ำเสมอจะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก
Circulation of #COVID19 is high & all countries need to:
➡️Absorb & care for patients
➡️Adjust strategies to reduce spread &
➡️Accelerate access & use of life saving tools to save lives now & prevent #LongCovidCritical to fully vaccinate people most at risk in ALL countries⬇️ pic.twitter.com/idz8rWgS8R
— Maria Van Kerkhove (@mvankerkhove) December 7, 2022










