กระทรวงสาธารณสุข เผย ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ระบาดรอบนี้สูงขึ้นกว่าที่ผ่านมา คาดว่า จะคงตัวแบบนี้ไปอีกระยะหนึ่ง ขณะที่จำนวนผู้ป่วยที่รักษาหายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
วันที่ 2 พ.ค. 2564 นพ.เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แถลงรายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ว่า สำหรับประเทศไทยวันนี้พบผู้ป่วยใหม่ 1,940ราย ส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล ขณะที่ในต่างจังหวัดค่อนข้างคงตัว แต่อย่าเพิ่งวางใจ เนื่องจาก หลังมาตรการปิดสถานบันเทิง จะพบรายงานการติดเชื้อจากการสัมผัสภายในบ้านและเพื่อนร่วมงานเพิ่มสูงขึ้นจาก 27% เพิ่มขึ้นมากกว่า 50%
ขณะที่ การตรวจค้นหาเชิงรุกพบติดเชื้อน้อยลง นอกจากนี้ ยังพบว่า จุดเสี่ยงของแต่ละจังหวัดมาจากการทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น ในสถานศึกษา สถานปฏิบัติธรรม สถานบันเทิง สถานดูแลผู้สูงอายุ สถานที่จัดเลี้ยง การจัดงานประเพณี สำนักงาน ตลาด ร้านอาหาร เป็นต้น
ดังนั้น จึงต้องเข้มมาตรการ เพื่อลดหรือจำกัดการรวมตัวของผู้คน หรือการทำกิจกรรมร่วมกันของคนจำนวนมาก เพื่อป้องกันและยับยั้งโอกาสที่จะก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิดในวงกว้างมากขึ้น
ส่วนตัวเลขผู้ป่วยสะสม 68,984 ราย และผู้เสียชีวิตรายใหม่ 21 ราย สะสม 245 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.38 โดยผู้เสียชีวิต 2 ราย มีประวัติติดเชื้อขณะที่นอนอยู่ในโรงพยาบาล เนื่องจาก มีญาติเข้าเยี่ยม ดังนั้น จึงขอให้มีความเข้มงวดในการป้องกันโรค สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างและล้างมือ ขณะที่ ผู้ป่วยรักษาหายเพิ่มขึ้น 1,183 ราย
“ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มสูงขึ้น เริ่มต้นเมื่อวันที่ 14 เม.ย. 2564 จำนวน 1,338 ราย ต่อมา ระหว่างวันที่ 16-22 เม.ย. 2564 ตัวเลขทรงตัวที่ 1,400-1,500 ราย และหลังจากนั้นขยับยกตัวขึ้น แต่นับตั้งแต่ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา จนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ผู้ป่วยก็จะเริ่มหายมากขึ้นต่อเนื่อง และกรณีผู้เสียชีวิตในช่วงเวลาประมาณ 3-10 วันหลังพบเชื้อ ฉะนั้น จำนวนผู้เสียชีวิตจะคงตัวระดับนี้ไปอีกระยะหนึ่ง”
ส่วน ข้อมูลการเสียชีวิต พบว่า ระลอกใหม่เดือน เม.ย. 2564 มีจำนวนมากกว่ารอบเดือน ธ.ค. 2563 แต่หากเรียงตามกลุ่มอายุ พบว่า ระลอกเดือน ม.ค. 2564 ในกลุ่มอายุ 20-29 ปี อัตราเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 0.09 ไล่ขึ้นมาจนถึงกลุ่มอายุ 70 ปีขึ้นไปอยู่ที่ร้อยละ 11.72 ส่วนระลอกเดือน ธ.ค. 2563 และเดือน เม.ย. 2564 ก็มีการไล่เรียงตามกลุ่มอายุจากน้อยไปมากเช่นกัน
“สถานการณ์ของประเทศไทย ขณะนี้ผู้ป่วยกลุ่มสีแดง สีเหลือง และสีเขียว มีระยะเวลารอคอยเตียงลดลง จากเดิมที่ต้องใช้เวลาประสานพอสมควร แต่ขณะนี้ กรมการแพทย์ เป็นเจ้าภาพในการประสานร่วมกับหน่วยงานเครือข่ายทั้งหมด มั่นใจได้ว่า ผู้ที่ตรวจแล้วมีผลเป็นบวก ก็จะรอเตียงไม่เกิน 48 ชั่วโมง ก็จะจัดการเรื่องเตียงได้ เนื่องจาก มีช่องทางในการติดต่อ คือ สายด่วน 1668 เชื่อว่า จะคลี่คลายความกังวลให้ประชาชนได้”










