
ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาไทยมีผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มไม่เกินวันละ 10 คน ขณะที่วันนี้ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่และไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ส่วนผู้ป่วยรักษาหายเพิ่มอีก 5 ราย และยังรักษาตัวอยู่ รพ.เพียง 63 ราย
วันที่ 24 พ.ค. 2563 พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษก ศบค. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.แถลงข่าวการรายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย เป็นวันที่สองว่า วันนี้ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ มีผู้ป่วยกลับบ้าน 5 ราย รวมกลับบ้านได้สะสม 2,921 หรือคิดเป็นร้อยละ 96.08 ของผู้ป่วยทั้งหมด ทำให้ขณะนี้มีผู้ป่วยที่ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 63 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 2.07 ของผู้ป่วยทั้งหมด ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ผู้เสียชีวิตสะสม 56 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 3,040 ราย
จากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อของประเทศไทยในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นไม่ถึง 10 รายต่อวัน แต่ยังคงมีการพบการติดเชื้อจากการสัมผัสใกล้ชิดและผู้ที่มีประวัติเดินทางไปในสถานที่ชุมชน แสดงให้เห็นว่า ความประมาทไม่ป้องกันตนเอง การสัมผัสใกล้ชิด การอยู่ในสถานที่แออัด ยังมีความเสี่ยงที่อาจติดเชื้อโควิด19 ได้ ขอเน้นย้ำว่ามาตรการรักษาระยะห่าง 1-2 เมตร การสวมใส่หน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า การล้างมือบ่อยๆ นั้นมีความสำคัญเป็นเกราะป้องกันตนเองจากเชื้อโรค ขอให้ประชาชนร่วมมือ ร่วมใจรักษาการ์ด “การ์ดอย่าตก” และปฏิบัติต่อเนื่องให้เป็นนิสัยเพื่อความปลอดภัยของทุกคน
เมื่อวานนี้ (23 พฤษภาคม 2563) ด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ทำการคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศจำนวน 77 ราย พบผู้สงสัยเข้าเกณฑ์เฝ้าระวัง 2 ราย และผู้ติดตาม 1 ราย ขณะนี้ได้นำเข้าสู่ระบบการเฝ้าระวังแล้ว
สำหรับสถานที่กักตัวของรัฐ (State Quarantine) ในเขตสุขภาพที่ 6 จำนวนทั้งสิ้น 11 แห่ง มีผู้เข้ารับการกักตัวสะสม 5,198 ราย กลับบ้านแล้ว 2,781 ราย มีผู้เข้าเกณฑ์เฝ้าระวังสอบสวนโรค 38 ราย พบผู้ป่วยยืนยันสะสม 21 ราย ขณะนี้มีผู้ที่อยู่ระหว่างเข้ารับการกักตัว จำนวน 2,777 ราย โดยในวันนี้ (24 พฤษภาคม 2563) ทีมบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลระยองได้ทำการ Swab เก็บสิ่งส่งตรวจคนไทยที่เดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่น ครั้งที่ 1 จำนวน 58 ราย และทีมบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี ได้ดำเนินการ Swab เก็บสิ่งส่งตรวจ ผู้เดินทางจากกลับประเทศรัสเซียจำนวน 97 ราย และประเทศฟิลิปปินส์จำนวน 163 ราย เป็นครั้งที่ 2 รวมถึงช่างแอร์อีก 2 ราย ทุกรายให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี










